ผลวิจัยชี้ แชทสมาร์ทโฟนหลัง 3 ทุ่ม ทำให้พรุ่งนี้ทำงานแย่!!
2014-11-16 21:41:00
ในโลกที่เทคโนโลยีดูจะเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต การติดต่อสื่อสารกลายเป็นเรื่องไร้พรมแดนไปในที่สุด ทำให้ผู้คนไม่ใช่น้อยเสพติดการมีชีวิตบนโลกออนไน์ ร่วมไปถึงการพกพาอุปกรณ์เพื่อการสื่อสารไปในทุกที่และทุกเวลา โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน และเหล่าอุปกรณ์แสงสีฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ที่ล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนปัจจุบันไปอย่างแยกไม่ออก แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้ อย่างไม่น่าเชื่อกันเลยทีเดียว
จากผลการวิจัยจากเว็บไซต์ BUSINESS REPORT ระบุว่า สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เป็นอุปกรณ์ที่นอกจากจะส่งผลต่อความสามารถในการนอนหลับของเราแล้ว ยังลดประสิทธิภาพในการทำงานในวันต่อไปอีกด้วย
จากการจับมือกันของมหาวิทยาลัยฟลอริด้าและมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้ร่วมทำการวิจัยเกี่ยวกับ "การใช้สมาร์ทโฟน กับสมรรถภาพในการนอนหลับ และความสามารถในการทำงาน" ได้ผลการวิจัยที่น่าสนใจ บ่งชี้ว่า ผู้ที่ใช้งานหรือเล่นสมาร์ทโฟนหลังเวลา 21.00 น. เป็นต้นไป มีแนวโน้มนอนหลับยาก และตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกไม่พร้อมทำงาน ซึ่งส่งผลกระทบกับประสิทธฺภาพการทำงานอย่างไม่น่าเชื่อ
โดยสาเหตุ เนื่องมาจาก คลื่นอินฟาเรด และแสงสีฟ้าจากสมาร์ทโฟนที่รบกวนร่างกาย ให้หลั่งฮอร์โมนเมลาโธนิน (Melatonin) ออกมาสร้างความง่วงงุน จนทำให้ร่างกายไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท
การวิจัยนี้ มีการเปรียบเทียบจากกลุ่มทดลอง 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นวัยทำงาน (ระดับผู้จัดการและหัวหน้าแผนก) จำนวน 82 คน เล่นสมาร์ทโฟน และทำงานผ่านสมาร์ทโฟนเกือบทุกคืน ส่วนอีกกลุ่มสุ่มคนทำงานจำนวน 161 คน ซึ่งจะเล่นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และดูทีวี สลับกันไป ผลการวิจัยก็ออกมาว่า กลุ่มทดลองกลุ่มแรกมีแนวโน้มนอนหลับไม่สนิท และขาดประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าจริง ๆ
ทั้งนี้ นักวิจัยยังระบุเพิ่มเติมว่า นอกจากการโทษจากแสงสีฟ้าจากสมาร์ทโฟนแล้ว ผลของเสียงการแจ้งเตือนต่างๆจากมือถือหรืออุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ยังส่งผลรบกวนต่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกด้วย ซึ่งจะส่งผลทำให้เช้าวันใหม่ของคุณรู้สึกเหนื่อยล้า สมองไม่พร้อมทำงาน หรือรู้สึกเนืองๆ ไปตลอดทั้งวัน
ดังนั้นสำหรับใครที่ติดการใช้โซเชียลออนไลน์เป็นกระสัย ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะได้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของตัวเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก tiantaiclinic.com
By : Admin@no_สวยสึดๆ
Admin :
view
:
10721
Post
:
2014-11-16 21:41:00
เครดิต : tartoh
ร่วมแสดงความคิดเห็น
