ความเป็นมาขององค์พระประธาน ตอนแรก
2017-05-11 00:33:00

วัดอุปสรสวรรค์เป็นวัดโบราณที่มีชื่อเดิม ว่า "วัดหมู" และมีผู้คนต่างเล่าลือกันว่ามีชาวจีนอู๋เป็นผู้สร้าง โดยสร้างวัดดังกล่าวบนที่ดินซึ่งเนื้อที่ตรงนี้แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่เลี้ยงหมูมาก่อน เมื่อสร้างวัดแล้วปรากฎว่ามีหมูมาเดินเพ่นพ่านเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านแถวนั้น จึงพากันเรียกกันว่า วัดหมู แต่วัดนี้สร้างขึ้นในรัชกาลที่เท่าไหร่นั้นไม่มีหลักฐานชี้ชัดแน่นอน และต่อมาเจ้าจอมน้อยสุหรานากง ธิดาเจ้าพระยาพลเทพฉิม สถาปนาขึ้นใหม่ เจ้าจอมน้อยเป็นพระสนมในรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 แลดูจะชราภาพมากแล้ว จึงขอพระราชทานบูรณปฏิสังขรณ์วัดหมู จะว่าสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะเวลานั้นทรุดโทรม สลักหักพังไปเกือบหมดแล้วทั้งโบสถ์ วิหาร เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอุปสรสวรรค์ เป็นเกียรติยศแก่เจ้าจอมน้อย เพราะเจ้าจอมน้อยนั้นมีชื่อเสียงมาแต่เมื่อแรกถวายตัวในรัชกาลที่ 1 เรียกกันว่า เจ้าจอมน้อยสุหรานากง ประการที่ 1 เพราะชื่อของเจ้าจอมว่า น้อย นั้นดันซ้ำกันอยู่หลายท่าน ประการที่ 2 ในสมัยนั้นท่านเล่นละครในได้เป็นตัว สุหรานากง แทบจะว่าเป็นประจำในรัชกาลที่ 1

 

พระสนมที่มีชื่อตัวละครเป็นเครื่องหมาย นอกจากเจ้าจอมน้อยสุหรานากงแล้ว ก็มีเจ้าจอมฉิมยักษ์ เจ้าจอมบุนนากสีดาสำหรับ สุหรานากง นั้น ท่านที่เคยอ่านพระราชนิพนธ์อิเหนา คงทราบแล้วว่า เป็นโอรสของท้าวสิงหัดส่าหรี วงศ์เทวา 1 ใน 4 จึงเป็นลูกผู้น้องของอิเหนาและนางบุษบา วัดที่เจ้าจอมน้อยสร้างจึงได้รับพระราชทานชื่ออันเนื่องด้วยสวรรค์ชั้นฟ้าอันเป็นที่อยู่ของเทพเทวาทั้งหลาย ส่วน อัปสร นั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่เทพธิดาโดยแท้ เป็นเพียงนางฟ้าบริวารจึงปรากฎว่า บางครั้งคนธรรพ์ ซึ่งเป็นครึ่ง ๆ เทวดาเช่นกัน ได้เป็นคู่ครอง อัฟสรสวรรค์ จึงเป็นนางอัปสรพิเศษ เจ้าจอมน้อยสุหรานากง เป็นธิดาของเจ้าพระยาพลเทพฉิม เสนาบดีกรมนา หรือรัฐมนตรีเกษตร แต่ครั้งกรุงธนบุรี เจ้าพระยาพลเทพฉิมนั้น ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์จะมีชีวิตอยู่หรือหาไม่ ไม่ปรากฎทว่าหากมีชีวิตอยู่ก็คงจะไม่ได้รับราชการในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ เพราะไม่ปรากฎนามในพระราชพงศาวดารทรงแต่งตั้งข้าราชการในรัชกาลที่ 1 วัดอัปสรสวรรค์นั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ โปรดพระราชทานพระพุทธรูปปางฉันสมอ เรียกง่าย ๆ ว่า พระฉันสมอไปประดิษฐานในวัดด้วย

 

ต่อมาพระวิเชียรกวี มีนามเดิมว่า รอด อยู่ที่วัดสุวรรณาราม คลองบางกอกน้อย ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดอัปสรสวรรค์ได้จัดการสร้างศาลาการเปรียญขึ้นหลังหนึ่ง หอพระไตรปิฎก 1 หลัง นอกจากนี้ทายกทายิกาและผู้ปกครองวัดได้ปฏิสังขรณ์อีกแต่ไม่ทั่วถึงเสนาสนะจึงชำรุดทรุดโทรม เจ้าจอมเพิ่มในรัชกาลที่ 5 ช่วยปฏิสังขรณ์ศาลาหน้าพระอุโบสถ ซึ่งสร้างด้วยไม้อีก 3 หลัง ต่อมาพระพุทธพยากรณ์ได้สร้างศาลาโถงระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหารอีกหลังหนึ่ง เสาคอนกรีตเครื่องบนเป็นตัวไม้ ในยุคนั้นนับว่าเสนาสนะถาวรวัตถุบริบูรณ์มาก ปูชนียวัตถุของวัดที่สำคัญประกอบด้วยพระอุโบสถกับพระวิหาร ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนตั้งเป็นคู่ขนานกัน พระอุโบสถอยู่ทางทิศตะวันออก พระวิหารอยู่ทางทิศตะวันตก มีกำแพงแก้วล้อมรอบ กำแพงแก้วสูงประมาณ 3 ศอก มณฑป ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระปางฉันสมอตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว ระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหาร วัดตามฐานโดยรอบ 12 วา 3 ศอก สูงประมาณ 5 วา

 

 

ตอนจบ

 

Credit : ปางบรรพ์ , Pailin , forums.apinya.com , l3nr.org , thapra.lib.su.ac.th , research-system.siam.edu , travel.sanook.com , watabsornsawan.blogspot.com , intaram.org , waratip.thaimultiply.com , thaibuffer.com , kingkarnk288 , manager.co.th

by Admin Park


Admin :
view
:
4341

Post
:
2017-05-11 00:33:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น