พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศไทย

2016-09-12 18:14:45

พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศไทย

“พิพิธภัณฑสถาน” หรือ “พิพิธภัณฑ์” เป็นอาคารหรือสถาบัน ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเก็บรักษาวัตถุที่มนุษย์ทำขึ้น ทั้งในรูปแบบของโบราณวัตถุ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ประวัติศาสตร์ โดยมีจัดแสดงให้ผู้คนสามารถเข้าชมได้ถาวร หรือจัดแสดงชั่วคราว พิพิธภัณฑสถานมักจะให้บริการแก่สาธารณชน เพื่อประโยชน์ในการศึกษา สันทนาการ แสดงความภูมิใจของท้องถิ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยมีผู้ดูแลพิพิธภัณฑสถาน เรียกว่า "ภัณฑารักษ์"

ปัจจุบันแนวคิดของพิพิธภัณฑสถาน ยังมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น จากแค่เป็นการเก็บรักษาและจัดแสดง เป็นการให้ประสบการณ์ และมีการโต้ตอบ ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หรือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยมีการจัดเก็บสิ่งของประเภทต่างๆจำนวนมากและจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถาน โดยทั้งแบบถาวรและชั่วคราว เพื่อการหมุนเวียนงานแสดงได้อย่างหลากหลาย โดยมีเป้าหมายก็คือ เก็บรักษาและดูแลสิ่งของที่สำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะ เพื่อจัดแสดงต่อสาธารณชน

“พิพิธภัณฑ์หินแปลก”

Cr. www.holidaythai.com

พิพิธภัณฑ์หินแปลกแห่งแรกในไทยและเอเชียอาคเนย์ ตั้งอยู่ ซ.เจริญกรุง 26 ถนนเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2542 หินที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมโดยนายบรรยง เลิศนิมิต นักสะสมหินแปลกและสวยงามมานานกว่า 10 ปี มีหินจากทั่วทุกภูมิภาคของไทยและหินจากต่างประเทศ ทั้งหินจากภูเขา แม่น้ำ ซอฟซิล หินย้อย ฯลฯ ปัจจุบันมีหินแปลกนับแสนก้อน แต่ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี

Cr. www.paimuseum.com

Cr. www.l3nr.org

“พิพิธภัณฑ์ไลเคน”

Cr. www.sac.or.th

พิพิธภัณฑ์ไลเคนแห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นสถานที่รวบรวมตัวอย่างไลเคนทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งบริจาค ศ.ดร.ฟิลลิป รันเดล (Prof.Dr.Phiplip Rundel) เริ่มรวบรวมข้อมูลเมื่อปี 2549 ซึ่งในปัจจุบันมีตัวอย่างไลเคนมากกว่า 40,000 ตัวอย่าง ทั้งจากประเทศไทย และอีก 43 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันได้จดทะเบียนเป็นพิพิธภัณฑ์ไลเคนสากลและใช้ชื่อย่อพิพิธภัณฑ์ RAMK (Ramkhamhaeng University)

ซึ่งไลเคน (Lichen) เป็นสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ซึ่งได้แก่ เห็ดราและสาหร่าย โดยมีการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน เห็ดราจะได้ความชื้นและก๊าซออกซิเจนจากสาหร่าย และสาหร่ายก็จะได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสงจากเห็ดรา นอกจากนี้ไลเคนยังสามารถใช้เป็นดัชนีวัดมลพิษทางอากาศได้

Cr. www.oknation.ne

Cr. office.bangkok.go.th

“พิพิธภัณฑ์เต่าและตะพาบ”

Cr. www.chula.ac.th

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ที่ห้อง 231 ตึกชีววิทยา 1 คณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เต่าและตะพาบที่สมบูรณ์สุดในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจัดแสดงตัวอย่างเต่าบก เต่าทะเล เต่าน้ำจืด และตะพาบทุกชนิดที่พบในประเทศไทย และตัวอย่างจากเต่าทั่วโลก

Cr. www.chula.ac.th

“พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง”

Cr. www.oknation.net

หลังจากที่เรือหลวงแม่กลองถูกใช้ในงานราชการมานานถึง 20 ปี ก็ถูกปลดระวางเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2539 กองทัพเรือจึงนำเรือหลวงแม่กลองมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบขึ้นเป็นครั้งแรกของไทย เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จเถลิงถวัยราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 ซึ่งพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลองตั้งอยู่บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรราการ จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเรือ และแสดงกิจกรรมเกี่ยวกับกองทัพเรือในโอกาสต่างๆ

Cr. www.oknation.net

“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืด”

Cr. tactics4all.wordpress.com

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดกรุงเทพมหานครเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดที่เก่าแก่ที่สุดในไทย ตั้งอยู่ในกรมประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เปิดให้บริการตั้งแต่ 2483 จนถึงปัจจุบันเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 76 ปี นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉพาะสัตว์น้ำจืดและพืชน้ำจืด ทั้งสัตว์น้ำจืดของไทยแลของต่างประเทศ ทั้งปลาสวยงาม ปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ปลาหายาก และปลาใกล้สูญพันธุ์

Cr. tactics4all.wordpress.com

“เมืองโบราณสมุทรปราการ”

Cr. www.truelife.com

เมืองโบราณสมุทรปราการถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางปูใหม่ ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่ทั้งหมด 800 ไร่ ซึ่งมีคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี 2506 ด้วยการจำลองสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมขอแต่ละจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทยมารวมไว้รวมกันไว้ภายในผังพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปร่างคล้ายรูปขวานเหมือนแผนที่ประเทศไทย และแบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆ ของไทย เริ่มจากประตูทางเข้าเป็นภาคใต้ และไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีพื้นที่ที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาไทย รวมถึงพื้นที่ที่เป็นเมืองแห่งจินตนาการของผู้สร้างเอง เช่น ศาสาทศชาติ ขบวนเสด็จพยุหยาตราทางชลมารค เรือสำเภาไทย เขาพระสุเมรุ ศาลารามเกียรติ์ ฯลฯ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2515

Cr. www.thailandexhibition.com

Cr. www.thaiticketmajor.com

“พิพิธภัณฑ์ดิน”

Cr. travel.thaiza.com

“พิพิธภัณฑ์ดิน” หรือ “Soil Museum” ถูกสร้างขึ้นโดยกรมพัฒนาที่ดิน เมื่อปี 2545 และปิดปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นแล้วเปิดอีกครั้งในวันครบรอบสถาปนากรมฯ ครบรอบ 43 ปี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 พิพิธภัณฑ์ดินแห่งนี้ถือเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องราวของดินที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ที่กรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

Cr. travel.thaiza.com

“พิพิธภัณฑ์ปั๊มน้ำมันสามทหาร”

Cr. www.bloggang.com

จัดตั้งขึ้นโดยชมรมหริภุญไชยคลับและทีมงานพิพิธภัณฑ์ชุมชนลำพูน เมื่อปี 2550 โดยเป็นปั๊มน้ำมันสามทหารที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในไทย พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่สวนธรรมสมานสามัคคี อำเภอเมืองลำพูน ภายในมีการจัดแสดงโลโก้ภาพทหารสามเหล่าทัพ ประวัติย่อของพิพิธภัณฑ์ ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ ภาพทหารให้บริการใยอดีต หัวจ่ายปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

Cr. www.bloggang.com

Cr. www.sac.or.th

“พิพิธภัณฑ์สโมสร”

Cr. novotelbangkokimpact.com

สโมสรฟุตบอล เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดเป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของประเทศไทยที่มีพิพิธภัณฑ์สโมสร รวมไปถึงของที่ระลึกต่างๆ ของนักฟุตบอล เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่หาชมได้ยาก พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่อัฒจันทร์ฝั่งโซน E ข้างห้องสื่อมวลชนของสนามเอสซีจี สเตเดี้ยม เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2556

Cr. www.siamsport.co.th

Cr. www.thairath.co.th

“พิพิธภัณฑ์ศิลปะในขวดแก้ว”

Cr. tinyzone.tv

ก่อตั้งขึ้นปี 2538 โดยคุณปีเตอร์ เบย์ เดอเลย์ (Mr.Pieter Bij Deleij) ศิลปินชาวฮอลแลนด์ โดยมีคุณประไพศรี ไทพาณิชย์ ศิลปินร่วมสมัยจังหวัดชลบุรี เป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่เป็นผู้สืบทอดและเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเดียวในโลก ที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่มีการจำลองสถานที่สำคัญๆ ตลอด จนสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของโลกไว้ในขวดแก้วใสหลายรูปทรง หลายขนาด ซึ่งแต่ละขวดบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละชุมชนแต่ละท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ The Kingston Park ถนนสุขุมวิท ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี