เจมส์ บอนด์ พยัคฆ์ร้าย 007
2016-09-02 16:04:30

เจมส์ บอนด์ พยัคฆ์ร้าย 007

 

     เจมส์ บอนด์ (James Bond) สายลับหนุ่มของหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ ซึ่งเป็นตัวละครสมมติ ที่ถูกสร้างขึ้นโดย เอียน เฟลมมิ่ง (Ian Fleming) เมื่อปี 1953 ซึ่งปรากฏอยู่ในนวนิยาย 12 ตอนและรวมเรื่องสั้นอีก 2 เล่ม ต่อมาหลังจากที่เอียนเสียชีวิตในปี 1964 ได้มีนักประพันธ์อีกหลายคนได้สิทธิ์ในการประพันธ์ เจมส์ บอนด์ ต่อ ได้แก่ คิงส์ลีย์ เอมิส, คริสโตเฟอร์ วูด, จอห์น การ์ดเนอร์, เรย์มอนด์ เบ็นสัน, เซบาสเตียน ฟอล์ค, เจฟฟรีย์ ดีฟเวอร์ และ วิลเลียม บอยด์ นอกจากนี้ยังมีผลงานประพันธ์ของ ชาร์ลี ฮิกสัน ในชุด ยังบอนด์ และ เคต เวสต์บรูค ประพันธ์ในรูปแบบไดอารีของตัวละคร มิสมันนีเพนนี

 

     โดยตัวเลข 007 ที่อยู่ท้ายชื่อของเจมส์ บอนด์นั้น หมายถึงรหัสลับประจำตัวที่ใช้เรียกแทนตัวเขาในฐานะของสายลับคนหนึ่ง โดยเลข 00 ที่นำหน้าเลข 7 อยู่นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่แจ้งให้ทราบว่า ตัวเขาเป็นสายลับที่ได้รับอนุญาตให้สามารถสังหารชีวิตผู้อื่นได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งในประเด็นนี้ ได้มีนักวิเคราะห์บางคนแสดงทัศนะว่า เฟลมิ่งน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายลับชาวอังกฤษผู้หนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่ได้ส่งสารลับมาถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ด้วยรหัส 00 ซึ่งมีความหมายว่า "สำหรับพระเนตรของพระองค์เท่านั้น" (For Your Eyes Only)

 

 

     เจมส์ บอนด์ ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลกจากการนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ซึ่งในปัจจุบันออกฉายแล้วทั้งหมด 24 ภาค ผลิตโดย อีโอเอ็น โปรดักชันส์ (EON Productions) นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ของ อีโอเอ็น คือ ทีเด็ดเจมส์บอนด์ 007 (Casino Royale) เมื่อปี 1967 เดวิด นิเวน เป็นเจมส์ บอนด์ และ พยัคฆ์เหนือพยัคฆ์ (Never Say Never Again) เมื่อปี 1983 ซึ่งเป็นการรีเมค ธันเดอร์บอลล์ 007 (Thunderball) โดย ฌอน คอนเนอรี กลับมารับบทเป็นเจมส์ บอนด์ อีกครั้ง

 

 

ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery)

     ณอน คอนเนอรี เป็นสายลับ 007 คนแรก ถึงแม้ช่วงแรกเขาจะถูกท้วงติงจากบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายว่าบุคคลของณอนไม่เข้ากับสายลับเจมส์ บอนด์ 007 สักเท่าไหร่ เพราะมาดของฉอนนั้นเป็นชายชาตรีที่ดูสำอางค์มากเกินไป ทำให้ภาพแรกที่เขาแสดงนั้นยังไม่โด่งดังและไม่มีใครจดจำบทบาทของเขาในฐานะสายลับ 007 ได้เลย เขากลับมาแสดงในภาคต่อๆ มา และมันประสบความสำเร็จสูงสุดเป็นประวัติกาล ทำให้ฉอนถูกบันทึกว่าเป็นนักแสดงที่สามารถสร้างรายได้สูงที่สุดในบรรดาพระเอกเจมส์ บอนด์ ทั้งหมดที่เคยมีมา โดยเขาแสดงตั้งแต่ปี 1962-1967 และฉอนกลับมารับบทอีกครั้งใน ธันเดอร์บอลล์ 007 (Thunderball) ในปี 1971

 

 

พยัคฆ์ร้าย 007 (Dr.No) (1962)

     หนังสายลับเรื่องแรกของซีรี่ส์หนังสายลับ เจมส์ บอนด์ 007 เรื่องย่อ เจมส์ บอนด์ (ฌอน คอนเนอรี) ได้ถูกส่งตัวไปที่จาไมก้า เพื่อสืบเรื่องคดีฆาตกรรมนักสืบซึ่งเป็นเพื่อนของเขา ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของบอนด์ จะทำให้ทุกคนที่นั่นไม่ค่อยพอใจ และยิ่งเขาเข้าใกล้เงื่อนงำหลักฐานมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับนักวิทยาศาสตร์ลึกลับนามว่า ดร.โน (Dr.No) มากขึ้นเท่านั้น

 

 

เพชฌฆาต 007 (From Russia With Love) (1963)

 

     เจมส์ บอนด์ (ฌอน คอนเนอรี) สายลับ 007 ได้ถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจลับที่ตุรกี เพื่อขโมย "เลคเตอร์" อุปกรณ์ถอดรหัสจากนักถอดรหัสชาวรัสเซีย แต่ทว่างานนี้มีองค์ "Spectre" เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยจุดประสงค์นี้ก็คือการทำให้รัสเซียและอังกฤษบาดหมางกันมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการแก้แค้นให้กับ ดร.โน (Dr.No) อีกด้วย

 

 

จอมมฤตยู 007 (Goldfinger) (1964)

 

     เจมส์ บอนด์ (ฌอน คอนเนอรี) จะต้องประมือกับศัตรูตัวฉกาจที่ชื่อ ออริก โกลด์ฟิงเกอร์ (Auric Goldfinger) ผู้ที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจด้วยแผนการที่จะปั่นราคาทองคำของตนให้สูงขึ้น โดยนำระเบิดรังสีไปถล่มที่ฟอร์ด น็อกซ์ แหล่งเก็บทองคำของอเมริกา บอนด์จึงต้องหยุดออริกให้ได้

 

 

ธันเดอร์บอลล์ 007 (Thunderball) (1965)

 

     เมื่อองค์กรร้าย "Spectre" ศัตรูตลอดกาลของบอนด์ ได้ถูกบอนด์ขัดขวางแผนการอยู่หลายครั้ง ทำให้ศักดิ์ศรีและเงินรายได้จากธุรกิจของพวกมันตกลงไปมาก จนในที่สุดพวกมันก็ได้วางแผนการครั้งใหญ่ คือ ขโมยหัวรบนิวเคลียร์ไปและขู่ว่าจะระเบิดสถานที่สำคัญ เว้นแต่ทางว่าการจะยอมจ่ายค่าไถ่มาให้ แต่มีหรือที่ทางการจะยอมจ่ายค่าไถ่ให้ เพราะยังมีสายลับระดับพระกาฬอย่าง เจมส์ บอนด์ (Sean Connery) อยู่ทั้งคน

 

 

จอมมหากาฬ 007 (You Only Live Twice) (1967)

 

     จู่ๆ ยานอวกาศของอเมริกาได้ถูกจารกรรมไปกลางอากาศ ทางอเมริกาเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของพวกโซเวียตอย่างแน่นอน แต่ทางอังกฤษกลับเห็นว่า น่าจะเป็นแผนร้ายของฝ่ายอื่นมากกว่า จึงได้ส่ง เจมส์ บอนด์ (Sean Connery) ไปยังญี่ปุ่น เพื่อสืบหาเบาะแส เพราะจากแหล่งข่าวได้รายงานมาว่า มียานบินลึกลับขนาดยักษ์มาร่อนลงแล้วหายไปในแถบภูเขาไฟของญี่ปุ่น และที่นี่เองบอนด์ได้พบกับ เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ (Donald Pleasence) หัวหน้าแห่งองค์กร Spectre ซึ่งในครั้งนี้ โบลเฟลด์ต้องการที่จะกำจัด เจมส์ บอนด์ ลงให้ได้ เพราะแผนการของมันโดนบอนด์ขัดขวางอยู่ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

 

 

007 เพชรพยัคฆราช (Diamonds Are Forever) (1971)

 

     เจมส์ บอนด์ (Sean Connery) ต้องมารับภารกิจตามล่าแก๊งลักลอบค้าเพชรเถื่อน เพื่อสืบสวนเรื่องการหายสาบสูญของเพชรล้ำค่า เขาพบว่าแผนการก็คือการนำเพชรมาเป็นตัวสร้างอาวุธทำลายล้างอนุภาพร้ายแรง บอนด์ก็ได้สืบเงื่อนงำไปจนถึงลาส เวกัส และได้พบวายร้ายที่อยู่เบื้องหลังแผนร้ายครั้งนี้ก็คือ เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ (Charles Gray) ศัตรูคู่แค้นของบอนด์นั่นเอง

 

 

จอร์จ ลาเซนบี (George Lazenby)

    จอร์จ ลาเซนบี เขาได้รับฉายาว่า “เรื่องเดียวจอด” เนื่องจากเขาได้รับบทบาทแสดงเป็นสายลับเจมส์ บอนด์ในปี 1969 ได้เพียงเรื่องเดียวแล้วหลังจากนั้นเขาก็หายหน้าหายตาไปจากวงการภาพยนตร์ เพราะกระแสหนังที่เขาเล่นนั้นไม่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เมื่อเทียบฝีมือการแสดงของจอร์จ กับ ฉอน คอนเนอรี พระเอกคนก่อนที่ทำไว้ดีเป็นอย่างมากมาก่อนหน้านี้ และเนื่องจากจอร์จเป็นชาวออสเตรียเลียทำให้ชาวอังกฤษออกมาต่อต้านกันเป็นอย่างมาก จอร์จจึงได้รับบทบาทเป็นเจมส์ บอนด์เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น จากนั้นผู้สร้างก็ติดต่อขอร้องให้ฉอนกลับมารับบทเจมส์ บอนด์อีกครั้ง

 

 

007 ยอดพยัคฆ์ราชินี (On Her Majesty's Secret Service) (1969)

 

     เจมส์ บอนด์ (George Lazenby) ลาออกเพราะไม่พอใจเอ็ม (หัวหน้าของบออนด์) ถอนตัวเขาออกจากภารกิจตามล่า  เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ (Telly Savalas) แต่ถึงแม้เอ็มจะเปลี่ยนให้บอนด์เป็นพักร้อนแทน บอนด์ก็ยังคงตามล่าโบลเฟลด์ต่อไป ซึ่งตอนนี้องค์กร Spectre โดนถล่มจนย่อยยับไปแล้ว บอนด์ก็ได้พบเงื่อนงำว่าโบลเฟลด์ได้หลบหนีไปเปิดคลินิกรักษาภูมิแพ้อยู่บนเทือกเขาที่ห่างไกล และโบลเฟลด์กำลังวางแผนร้ายที่จะใช้ไวรัสคุกคามโลก โดยโบลเฟลด์บอกว่าจะไม่ทำอย่างนั้นหากเขาล้างมือมาใช้ชีวิตแบบคนปกติแล้วทางการจะไม่เอาจับกุมเขา บอนด์จึงต้องขัดขวางโบลเฟลด์อีกเช่นเคย

 

 

โรเจอร์ มัวร์ (Roger Moore)

     โรเจอร์ มัวร์ ไม่ทำให้ฐานแฟนคลับสายลับหนุ่มเจมส์ บอนด์ผิดหวัง เพราะสำหรับฝีมือทำการแสดงของโรเจอร์มีบุคลิกและลีลาขี้เล่นซึ่งตรงกับตัวละครในนวนิยายในหนังสือมากที่สุด และโรเจอร์ยังครองตำแหน่งผู้แสดงบทบาทสายลับ 007 ยาวนานที่สุดถึง 7 ภาค ตั้งแต่ปี 1973 – 1985 ด้วยกัน

 

 

พยัคฆ์มฤตยู 007 (Live and Let Die) (1973)

 

     เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) ได้รับภารกิจให้สืบสาวการตายอย่างมีเงื่อนงำของสายลับอังกฤษ 3 คนที่ถูกสังหารในเวลาไล่เลี่ยกัน จากการตามหาเบาะแสก็นำบอนด์ไปสู่การเผชิญหน้ากับขบวนการค้ายาเสพติดระดับชาติที่ นำโดย มิสเตอร์บิ๊ก หรือชื่อที่แท้จริงของเขาก็คือ ดร.คานังก้า (Yaphet Kotto) ชายผิวดำ นายใหญ่แห่งย่านฮาเร็ม นายกรัฐมนตรีแห่งเกาะซานโมนิค บอนด์จึงต้องทำลายแผนการของพวกวายร้ายอีกครั้ง

 

 

007 เพชฌฆาตปืนทอง (The Man With The Golden Gun) (1974)

 

      ที่เบรุตสายลับ 008 ถูกฆ่าตายด้วยกระสุนปืนทองคำ เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) จึงได้ตามสืบและได้พบกับฟรานซิสโก้ สการามังก้า (Christopher Lee) สุดยอดนักฆ่าที่มีฉายาว่าเพชฌฆาตปืนทอง เขาจะรับจ้างฆ่าคนด้วยเงินสูงถึง 1 ล้านดอลล่าร์ และเขาจะสังหารเหยื่อด้วยปืนและกระสุนทองคำของเขาเท่านั้น และเป้าหมายต่อไปของเขาคือเจมส์ บอนด์ นั่นเอง

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายสุดที่รัก (The Spy Who Loved Me) (1978)

 

     เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) ต้องมาร่วมมือกับสายลับสาวจากรัสเซียนามว่า อันย่า อมาโซว่า (Barbara Bach) หรือรหัส "ทริปเปิ้ลเอ๊กซ์" ทั้งสองต้องมาจับมือกันยับยั้งแผนการร้ายของมหาเศรษฐีที่ชื่อ คาร์ล สตอรมเบิร์ก (Curd Jurgens) โดยเขาวางแผนทำลายโลกครั้งใหญ่ด้วยการจมโลกสู่ใต้ผืนน้ำ

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ (Moonraker) (1979)

 

     เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) ได้ถูกส่งไปสืบสวนเรื่องโจรขโมยลึกลับที่ขโมยกระสวยอวกาศ แล้วบอนด์ก็ได้สืบสาวตัวไปถึงฮิวโก้ แดร็กซ์ (Michael Lonsdale) เจ้าของกิจการผลิตชิ้นส่วนกระสวยอวกาศ และพบกับ ดร.หญิง ฮอลลี่ กู๊ดเฮด (Lois Chiles) นักวิทยาศาสตร์วิจัยด้านอวกาศ ซึ่งเธอก็เป็นเจ้าหน้าที่สายลับ CIA มาสืบเรื่องราวของแดร็กซ์ด้วยเช่นกัน บอนด์ได้แกะรอยไปตามไปถึงในอวกาศ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์รุ่นใหม่ก่อนที่แดร็กซ์จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์บนโลก

 

 

007 เจาะดวงตาเพชฌฆาต (For Your Eyes Only) (1981)

 

     เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) ต้องทำการตามหาอุปกรณ์ที่ชื่อว่า "ATAC" ซึ่งมันเป็นเครื่องควบคุมการยิงขีปนาวุธ ถ้าบอนด์หาไม่เจอแล้วของตกไปอยู่ในมือคนชั่วขึ้นมา เรื่องเลวร้ายต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แล้วบอนด์ก็ได้ไปพบกับ เมลีน่า เฮฟล็อก (Carole Bouquet) สาวชาวกรีกที่กำลังหาร่องรอยคนฆ่าพ่อแม่ของเธอ บอนด์ก็ต้องปกป้องเธอพร้อมทั้งร่วมมือกับเธอในการตามหาคนร้ายตัวจริง เพราะเป็นไปได้ว่า คนที่ฆ่าพ่อแม่เธอและคนที่หาทางชิงเครื่อง ATAC ไปนั้นจะเป็นคนเดียวกัน

 

 

007 เพชฌฆาตปลาหมึกยักษ์ (Octopussy) (1983)

 

     ภารกิจของเจมส์ บอนด์ (Roger Moore) ในตอนนี้คือต้องหยุดแผนการอันชั่วร้ายของนายพลออร์ลอฟ (Steven Berkoff) นายพลผู้บ้าคลั่งแห่งกองทัพรัสเซียที่ต้องการที่จะก่อสงครามให้บังเกิดขึ้น เพราะเขาคิดว่าหากรัสเซียโจมตีก่อนย่อมได้เปรียบ จะได้ทำให้รัสเซียกลายเป็นชาติมหาอำนาจ โดยไม่ฟังคำทัดทานของนายพลคนอื่นๆ ซึ่งไม่ประสงค์ให้มีสงคราม โดยออร์ลอฟได้ดำเนินแผนการอันชั่วร้ายผ่านทางคามาล ข่าน (Louis Jourdan) เจ้าชายชาวอัฟกานิสถานที่โดนเนรเทศออกจากประเทศ โดยการใช้ระเบิดนิวเคลียร์หวังที่จะวางระเบิดในฐานทัพอากาศของสหรัฐ

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายพญายม (A View to a Kill) (1985)

 

     เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) ถูกส่งตัวให้ไปตรวจสอบเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมภายในบริษัท ซอริน อินดัสตรี้ แต่บอนด์กลับค้นพบเหตุฆาตกรรมที่มีเงื่อนงำ รวมทั้งเจ้าของบริษัทผู้ลึกลับชื่อ แม็กซ์ ซอริน (คริสโตเฟอร์ วอลเคน) ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังวางแผนที่จะครองตลาดไมโครชิปของโลกด้วยวิธีการอันชั่วร้าย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของนักสืบหนุ่ม 007 ผู้นี้ที่จะต้องหยุดยั้งแผนการร้ายครั้งนี้ให้ได้

 

 

 

ทิโมธี ดาลตัน (Timothy Dalton)

     ทิโมธี ดาลตัน แสดงบทบาทของเจมส์ บอนด์ สายลับ 007 เพียงแค่ 2 ภาคเท่านั้น เนื่องจากเขาแสดงบทบาทของสายลับผู้ทรงเสน่ห์ได้ไม่ดีนัก ผู้ชมจึงไม่เกิดความนิยมในบทบาทของเขา ด้วยภาพลักษณ์ที่หม่นมืด แล้งอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยความรุนแรง ทำให้ทิโมธี ดาลตันต้องปิดฉากบอนด์ลงไป และด้วยปัญหาฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ทำให้ดาลตันบอกลาบทของสายลับ 007 ไปในที่สุดทั้ง ๆ ที่เขายังเหลือสัญญาอีก 1 ตอนก็ตาม แฟนบอนด์ต้องรอคอยนานถึง 6 ปีกว่าจะได้บอนด์คนใหม่นั่นก็คือ เพียร์ซ บรอสแนน

 

 

007 พยัคฆ์สะบัดลาย (The Living Daylights) (1987)

 

     เจมส์ บอนด์ (ทิโมธี ดาลตัน) ได้รับคำสั่งให้สังหารสายลับหญิง (มาเรียม ดี'อาโบล) ที่ปลอมตัวเป็นนักเชลโลที่หมายจะสังหารนายพลคอสค็อฟ (เจอเรน เครบเบ้) นายทหารเสนาธิการของรัสเซียที่แปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายโลกเสรี แต่บอนด์เจตนายิงพลาด เพราะไม่เชื่อว่าเธอต้องการสังหารจริง ๆ ก่อนที่ความจริงจะเผยว่า แท้จริงแล้วคอสค็อฟเพียงแค่เล่นละคร 2 หน้า ตบตาคนอื่นๆ เท่านั้น

 

 

007 รหัสสังหาร (Licence to Kill) (1989)

 

     ในขณะที่เจมส์ บอนด์ (ทิโมธี ดาลตัน)  ไปโบสถ์เพื่อเข้าพิธีแต่งงานของเพื่อนสายลับจากซีไอเอ เฟลิกซ์ ไลเตอร์ (เดวิด เฮดิสัน) ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว พวกเขาต้องเข้าร่วมสนธิกำลังเพื่อจับกุมพ่อค้ายาเสพติด ฟรานซ์ ซานเชซ (โรเบิร์ท ดาวี่) แม้จะสามารถจับกุมตัวได้ แต่ด้วยอำนาจเงินชานเซซสามารถหนีไปได้และกลับมาล้างแค้นเฟลิกซ์ ไลเตอร์จนปางตาย บอนด์จึงขอรับความแค้นนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัวแม้จะโดนยึดใบอนุญาตให้ฆ่า เขาก็ยังเลือกจะตามล่าล้างแค้นซานเชซ และเครื่อข่ายยาเสพติดของซานเชซให้หมดสิ้น

 

 

 

เพียร์ซ บรอสแนน (Pierce Brosnan)

     แฟนๆ เจมส์ บอนด์ ต้องรอคอยถึง 6 ปีด้วยกัน กลับการกลับมาของบอนด์คนใหม่ นั่นก็คือ เพียร์ช บรอสแนน แล้วเขาก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เนื่องจากการเขาสมบทบาทเป็นสายลับเจ้าเสน่ห์ได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้หนังสายลับเจมส์ บอนด์ กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง แม้จะถูกมองว่าบอนด์ภาคนี้เก่งแต่เรื่องสยิวกับสาวๆ มากกว่าการเป็นสายลับ แต่นั้นก็ถือเป็นจุดเด่นของเพียร์ชเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีสิ่งที่ขาดไม่ได้ของบอนด์ในภาคของเพียร์ซ บรอสแนนก็คือ อุปกรณ์ไฮเทคและรถคู่ใจของเขานั้นเอง ด้วยเพียร์ซ บรอสแนนรับบทเป็นสายลับ 007 ถึง 7 ปีด้วยกัน ตั้งแต่ปี 1995 ถึงปี 2002

 

 

พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก (GoldenEye) (1995)

 

     เมื่อเก้าปีก่อนสายลับ 006 และ 007 ได้รับภารกิจปฏิบัติการลับให้ทำลายโรงงานผลิตอาวุธของนายพลอูรูมอฟ แต่ภารกิจนั้นได้คร่าชีวิต 006 และในปัจจุบันบอนด์เข้าไปพัวพันการจารกรรมเฮลิคอปเตอร์สงครามรุ่นใหม่ และถูกนำไปใช้ขโมยอุปกรณ์ควบคุมดาวเทียม “โกลเด้นอาย” เบาะแสเดียวที่มีคือโปรแกรมเมอร์สาวนาทัลย่าที่รอดชีวิต บอนด์ต้องขอความช่วยเหลือจากอดีตพันธมิตรใน คิวบา มอนติคาร์โล สวิสเซอร์แลนด์ หรือแม้แต่รัสเซีย   แต่สิ่งที่บอนด์ไม่คาดคิดคือ เบื้องหลังแผนการชั่วร้ายทั้งหมดมาจาก อเล็กซ์ เทรเวลยาน 006 ที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมีเป้าหมายล้างแค้นต่อประเทศอังกฤษที่เคยฆ่าพ่อแม่ของเขา

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย (Tomorrow Never Dies) (1997)

 

     เจมส์ บอนด์ (เพียร์ซ บรอสแนน) ถูกส่งให้ไปสืบเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลเรื่องหนึ่ง เมื่อเดวอนชายด์เรือรบอังกฤษถูกโจมตีและจมลงกลางมหาสมุทร ลูกเรือถูกสังหารสิ้นนี่คือข่าวหน้าหนึ่งจากหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ "ทูมอร์โรว์ เนเวอร์ ดายส์" ของเจ้าพ่อสื่อ เอลเลียต คาร์เวอร์  แต่เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำจนทำให้เอ็มต้องส่งบอนด์ไปสืบแบบเจาะลึก  แล้วบอนด์ก็พบว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับชายอำมหิตที่คิดจะก่อสงครามโดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายดับแผนครองโลก (The World Is Not Enough) (1999)

 

     เจมส์ บอนด์ (เพียร์ซ บรอสแนน) พยายามคุ้มครอง อเล็กตร้า (โซฟี มาโซ) ลูกสาวคนสวยของ เซอร์ โรเบิร์ต คิงส์ ผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทของเอ็ม นักธุรกิจน้ำมันผู้มีอิทธิพลที่ถูกลอบสังหาร ให้พ้นจากผู้ก่อการร้าย โดยมี ดร.คริสต์มาส โจนส์ (เดนิส ริชาร์ดส์) ผู้เชี่ยวชาญอาวุธนิวเคลียร์อยู่เคียงข้าง และสิ่งที่บอนด์ต้องเผชิญคือแผนการร้ายที่คิดจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์น้ำมันโลก

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายท้ามรณะ (Die Another Day) (2002)

     เจมส์ บอนด์ (เพียร์ซ บรอสแนน) ได้ปลอมตัวเข้าไปในฐานะพ่อค้าเพชรเพื่อทำการเจรจากับ แทน ซุน มุน นายทหารลูกชายนายพลมุน ถึงแม้ภารกิจจะสำเร็จ แต่บอนด์ก็ถูกจับไปทรมานเพื่อรีดความลับถึงปีเศษก่อนจะมีการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษกับ “ซาว” คนสนิทของแทน ซุน มุน  บอนด์ถูกลอยแพจาก MI6 แต่เขาก็ใช้ความสามารถตามรอยเบาะแสไปถึงคิวบา ที่นั่นบอนด์ได้พบกับ จิงซ์ สาวลึกลับที่อาจเป็นทั้งมิตรหรือศัตรู  ซาวคือเบาะแสเดียวที่หนีรอดไปได้ แต่หลักฐานเพชรนำบอนด์กลับมาอังกฤษเพื่อเจอกับ “กุสตาฟ เกรฟ” มหาเศรษฐีหนุ่มผู้มั่งคั่งและชอบการแข่งขัน และเขาก็ได้เชิญบอนด์ไปที่ไอร์แลนด์เพื่อดูงานเปิดตัวดาวเทียม “อิคาลัส” ที่นั่นมีทั้งอันตรายและศัตรูรอคอยบอนด์อยู่

 

 

 

แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig)

     ถือว่าเป็นสายลับ เจมส์ บอนด์ที่มีฉากแอคชั่นคิวบู๊ที่มันส์มาก ถึงแม้ตอนแรกแดเนียลจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากบุคลิกของเขาไม่เข้ากับสายลับผู้ทรงเสน่ห์เลยสักนิด แต่แดเนียลก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเหมาะสมเพียงใดหลังจากหนังเข้าฉายไป และยังสามารถกวาดรายได้อย่างมหาศาลจากทั่วโลกอีกด้วย

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก (Casino Royale) (2006)

 

     นี่คือการเริ่มต้นงานในฐานะสายลับของเจมส์ บอนด์ (แดเนียล เคร็ก) ที่ยังไม่มีใบอนุญาตให้ฆ่า รหัส 00  บอนด์รับภารกิจในมาดากัสการ์ แม้ภารกิจจะสำเร็จแต่ก็เต็มไปด้วยความบ้าระห่ำจนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง เอ็มจึงสั่งพักงานบอนด์ แต่บอนด์เกาะติดเบาะแสที่อยู่ในมือถือไปถึงบาฮามาส ก่อนจะต่อไปถึงไมอามี่ ซึ่งบอนด์หยุดวิกฤตบอมบ์เครื่องบินต้นแบบได้ ทำให้เลอชีฟร์ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องขาดทุนเป็นร้อยล้านดอลลาร์และจัดแข่งขันโป๊กเกอร์ที่มอนเตเนโกร บอนด์ถูกส่งไปแข่งขันไพ่พร้อมด้วยสาวสวยจากกระทรวงการคลัง เวสเปอร์ ลินด์ ที่ควบคุมการเบิกจ่ายเงินของบอนด์  นี้คืองานชิ้นแรกของสายลับมือใหม่ เจมส์ บอนด์ที่เสี่ยงชีวิตเป็นเดิมพัน

 

 

007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก (Quantum of Solace) (2008)

 

      หลังจากที่เจมส์ บอนด์ (แดเนียล เคร็ก) ได้สูญเสียเวสเปอร์ ลินด์ รักแรกของเขา เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นผู้ชายที่ไร้หัวใจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นแทนเวสเปอร์ บอนด์จึงใช้ภารกิจเป็นฉากบังหน้า ในการล้างแค้นส่วนตัว ระหว่างที่บอนด์ และเอ็ม ได้สอบสวนมิสเตอร์ไวท์ ซึ่งได้รู้ว่า องค์กรที่แบล็คเมล์เวสเปอร์นั้นซับซ้อนและอันตรายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้

 

 

พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007 (Skyfall) (2012)

 

     เจมส์ บอนด์ (แดเนียล เคร็ก) ถูกส่งให้มาทำภารกิจที่อิสตันบูลที่ต้องตามล่าฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลตัวตนของสายลับทั้งหมดร่วมกับ เจ้าหนน้าที่ภาคสนาม อีฟ ระหว่างการต่อสู้บนหลังคารถไฟ เอ็มสั่งให้อีฟยิงคนร้าย แต่กระสุนพลาดไปยิงใส่บอนด์ร่วงลงไปในแม่น้ำ  บอนด์ถูกแทงบัญชีตาย ในขณะที่คนร้ายได้ข้อมูลสายลับทั้งหมดไปในที่สุด   และใช้ข้อมูลนั้นเล่นงาน MI6 โดยมีเป้าหมายหลักคือ เอ็ม  นั่นคือสิ่งที่ทำให้บอนด์ซึ่งอยากจะรีไทร์ตัวเองไปแล้วต้องฝืนสังขารกลับมาช่วยเอ็มอีกครั้ง  ซึ่งบอนด์พบว่าศัตรูหมายหัวเอ็มคือ อดีตสายลับคนโปรดของเอ็ม ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ก่อการร้ายในนาม ราอูล ซิลวา  ชายผู้ซึ่งเป็นตัวแทนด้านมืดของบอนด์

 

 

องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย (Spectre) (2015)

 

      เจมส์ บอนด์ (แดเนียล เคร็ก)  ไล่ล่าหาเบาะแสคนร้ายจนไปถึงเม็กซิโก และถึงแม้จะได้เบาะแสมา แต่ก็ทำตำแหน่งของเอ็มต้องเดือดร้อนกับการถล่มไปเกือบครึ่งเมืองของบอนด์ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ แม็กซ์ เดนบายห์ คนสนิทมหาดไทยมุ่งหมายจะใช้เหตุนี้ยุบหน่วยสายลับ และยกเลิกรหัส 00 เพื่อนำเสนอโครงการข้อมูลกุมโลกแทนที่สายลับ  บอนด์ถูกพักงานแต่ก็ดอดตามเบาะแสต่อจนได้พบกับ “มิสเตอร์ไวท์” ก่อนตายไวท์ได้ฝากลูกสาว ดร.เมเดอลีน สวอนน์ ให้บอนด์ปกป้องเธอ เมเดอลีนคือคนที่จะพาบอนด์ไปหาเบาะแสองค์กรลับที่ชื่อ “สเป็คเตอร์”   ซึ่งมีนายใหญ่คือ ฟรานซ์ โอเบอร์ เฮาเซอร์ ผู้เป็นเสมือนพี่ชายของบอนด์  ผู้อยู่เบื้องหลังความล่มสลายในชีวิตของบอนด์

 

 

 

    นี้อาจจะเป็นภาคสุดท้ายของพระเอกคิวบู๊ แดเนียล เคร็ก ในการรับบทสายลับ เจมส์ บอนด์ 007 เพราะมีข่าวว่าเขาได้ทำการปฏิเสธที่จะรับบทนี้ต่อ เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ แล้วข่าวลือนี้จะเป็นจริงหรือไม่? แฟนๆ สายลับ 007 ก็คงต้องลุ้นติดตามข่าวนี้ต่อไปนะจ๊ะ

 

 

………………………………………………………………………………

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Wikipedia.com / www.oknation.net

ทีมงานตาโตเรียบเรียงนำเสนอ


Admin :
view
:
5669

Post
:
2016-09-02 16:04:30


ร่วมแสดงความคิดเห็น