ขันที ตอนแล้ว ฉี่ยังไง?
2015-08-11 17:32:00
 
 
เชื่อว่าหากพูดถึง "ขันที" เราหลายๆ คนคงนึกถึงบุรุษในรั้วในวังของหนังจีนหรือเกาหลี ที่เราเห็นในทีวีมาแต่เด็กกันทั้งนั้น แต่เราเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่า... นอกเหนือจากการที่เขาเหล่านั้นถูกตอนน้องชายออกไปแล้ว พวกเขาจะขับถ่ายของเสียอย่าง "ฉี่" ยังไงกันต่อไป? วันนี้เรามาหาคำตอบพร้อมกับกรรมวิธีกว่าจะมาเป็น "ขันที" กันเถอะ 
 
ขันที หรือ "ไท่เจี้ยน" คือ ชื่อเรียก "บุรุษผู้ถูกตอน" ที่ทำงานภายในพระราชวังในจีน มีหน้าที่ควบคุมนางในฝ่ายพระราชฐาน และอีกหลายหน้าที่ๆ สตรีไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ขันทียังมีหน้าที่เป็นคณะที่ปรึกษาให้กับฮ่องเต้ในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งในบางยุคสมัยนั้น หากเจอขันทีไม่ดีก็ถึงขั้นทำให้บ้านเมืองล่มสลายบ้างก็มี เช่น ยุคสามก๊ก หรือ ปลายราชวงศ์หมิง หรือ ปลายราชวงศ์ชิง เป็นต้น
 
 
ขันที มีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน
 
1. ถูกตอนโดยตัดแค่ปลายองคชาตเท่านั้น แต่ยังเหลือพวงอัณฑะอยู่
ทำให้ขันทีประเภทนี้ยังเหลือฮอร์โมนเพศชายอยู่ จึงยังมีเสียงห้าวแบบชาย แต่ก็จะได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่ได้เฉพาะเขตพระราชฐานชั้นนอก เท่านั้น
 
2. ถูกตอนโดยตัดทิ้งทั้งพวง
ขันทีประเภทนี้จะมีเสียงเล็กแหลม และลูกกระเดือกหายไป เน่ืองจากฮอร์โมนเพศชายหมดไปนั่นเอง ทำให้ขันทีประเภทนี้จะได้รับความไว้ใจสูงกว่า และสามารถปฏิบัติงานในเขตพระราชฐานชั้นในได้
 
โดยสำหรับขันทีที่ถูกตอนตั้งแต่ยังเด็กนั้น จะมีลักษณะแขนยาวเก้งกาง รูปหน้าจะพัฒนาไม่เต็มที่ส่วนใหญ่จะเป็นคางรูปสามเหลี่ยม อีกทั้งยังมักเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำให้พวกเขามีอายุที่ไม่ค่อยยืนยาวอีกด้วย
 
 
ขั้นตอนการตอนขันที
สำหรับขั้นตอนการตอนขันทีนั้น แบ่งเป็น 4 ช่วงด้วยกัน
 
ช่วงที่ 1 ก่อนตอน
ผู้ที่จะทำการตอนนั้น จะต้องดื่มยาต้ม ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาชากลิ่นเหม็น ตามด้วยไข่ไก่ลงไป 2 ฟองลงไป และดื่มเลือดหมูสดๆ อีก 2 ชาม ตามลงไปอีกยก
 
ช่วงที่ 2 ระหว่างตอน
โดยอาการหลังจากดื่มยาเสร็จ เมื่อยาออกฤทธิ์ จนเมื่อตาค่อยๆ พร่ามัวไม่ได้สติ ก็จะถึงเวลาของการลงมีดตอนของหมอนั่นเอง ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการเจาะผิวหนังบริเวณลูกอัณฑะให้เป็นช่อง แล้วทำการคว้านลูกอัณฑะสดๆ ออกจากผิวหนังที่หุ้มอยู่ ซึ่งแม้ผู้เข้ารับการตอนนั้นจะกรีดร้องอย่างไร ก็จะถูกตอกไข่ใส่กรอกปากอีกที เพื่อเคลือบกล่องเสียงไม่ให้เปล่งเสียงได้ จากนั้นหมอก็จะทำการตัดที่ตัวอวัยวะเพศออกมาทั้งดุ้น โดยเหลือไว้ให้เป็นเพียงช่องเล็กๆ สำหรับไว้ปล่อยปัสสาวะเท่านั้น 
 
ช่วงที่ 3 หลังตอน
เมื่อผ่านไป 1 วัน ผู้ถูกตอนจะไม่สามารถทานอะไรได้เลย และที่แย่กว่านั้นคือไม่สามราถขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจาระได้เช่นกัน ทำได้เพียงอดทน หรือบรรเทาด้วยการยัดเมล็ดข้าวโพดแห้งเข้าไปทีละเมล็ดๆ เพื่อซับของเหลวที่อยู่ในช่องทางเดินปัสสาวะนั่นเอง ซึ่งหากใครทนไม่ไหว ปัสสาวะก็จะราดรดแผลให้ทรมานเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น
 
ช่วงที่ 4 ระยะรักษาตัว
หมอผู้ผ่าก็จะนำเลือดหมูมาทาจนทั่วบริเวณแผลสด เพื่อประสานแผลไม่ให้บวม ช่วงเวลานี้ส่วนหนึ่งพึ่งโชคชะตาให้ผ่านไปได้ เพราะความเจ็บมันทรมานมันอยู่ที่แผลตลอดเวลา และหลังจาก 3 วัน เมื่อปากแผลเริ่มประสานกันแล้ว ก็อาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บเป็นระลอกๆ โดยเฉพาะบริเวณต้นขา และก็จะเริ่มใช้ช่องที่เว้นไว้ปัสสาวะได้ชินขึ้นเรื่อยๆ 
 
 
สุดท้าย... ขันทีฉี่อย่างไร?
 
หลักจากที่ต้องเจอสารพัดขั้นตอนการตอนสุดโหดมาแล้ว ความลำบากยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เนื่องจากหลังจากตอนเสร็จ หูรูดของกระเพาะปัสสาวะก็จะถูกตัดออกไปด้วย ทำให้ผู้ที่เป็นขันทีไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายอีกเรื่อง เมื่อบ่อยครั้งพวกเขาอาจจะต้องฉี่ราด และนั่นก็ทำให้ขันทีมีกลิ่น "ปัสสาวะแห้ง" เป็นกลิ่นเฉพาะตัวไปโดยปริยาย และพวกเขาก็ต้องทนอยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิต...
 
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะต้องเผชิญกับชะตากรรมนี้ตลอดชีวิต แต่ก็เป็นทางเดินชีวิตที่บุรุษยุคสมัยนั้นเลือกเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ให้อยู่สบายเช่นกัน นับถือเลย...
 
 
 
 
 

ที่มา : postjung.com

By : Admin@no_สวยสึดๆ


Admin :
view
:
4535

Post
:
2015-08-11 17:32:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น