ตำนาน ภูตเสียงสาวเอคโค่ (Echo) ตอนจบ
2015-01-26 10:25:47

แต่เอคโค่ตามไปแล้วโอบกอดเขาไว้แน่นด้วยความหลงใหล

นาร์ซิสซัสรีบผลักเธอออกพลางเอ่ยว่า “ไม่นะ ไม่ ๆ อย่ากอดข้า เจ้าก็คงเหมือนคนอื่น พวกเขาสลบเมื่อเห็นฉันส่วนเธอก็ถึงกับพูดลาไม่ออก ได้แต่พูดซ้ำ ๆ โง่ ๆ”

เอคโค่พยายามกอดเขาไว้ และพยายามจะจูบเขาให้ได้

แต่นาร์ซิสซัสก็ปัดเธอ และผลักเธอล้มลงเอคโค่ได้แต่นั่งร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ เธออยากบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธออยากบอกว่าเธอหลงรักเขามากเพียงใด

แต่เธอก็ไม่อาจพูดอะไรได้ เอคโค่เอื้อมมือไปกอดพลางว่า “เจ้ารั้งข้าไว้ไม่ได้นะ ข้าไม่ได้รักเจ้า”

“รักเจ้า รักเจ้า รักเจ้า รักเจ้า รักเจ้า” เอคโค่ได้แต่พูดซ้ำ ๆ พลางสะอื้นไห้

นาร์ซิสซัสมองเธอพลางส่สวยหน้าไปมาก่อนจากไปเขากล่าวกับเธอว่า “ลาก่อน...ลาก่อน ลาก่อน ลาก่อน” เอคโค่มองตามนาร์ซิสซัสจนเขาเดินลับไป

เอคโค่ผู้น่าสงสารเจ็บปวดจนแทบไม่อาจหายใจ เธอจึงอ้อนวอนในใจ เอคโค่อธิษฐานต่อโฟร์ไดท์ เทพีผู้ยุติธรรม เทพีแห่งความรัก

 

เธอพร่ำภาวนาว่า ท่านสัญญาว่าจะช่วยเหลือข้า ข้าขอร้อง แม้ข้าจะพูดไม่ได้ก็ตาม ได้โปรดฟังข้า ข้าได้พบคนที่ข้ารัก แต่ คนรักของข้าจากไปแล้ว ข้าทนแบกรักความเจ็บปวดนี้ไม่ได้ เทพีอโฟรไดท์ซึ่งอยู่ในโอลิมปัสได้ยินเสียงอ้อนวอนนี้ก็ให้สงสารนัก เธอมองลงมายังนางไม้ผู้เศร้าโศก แต่ก็มิรู้จักถอนคำสาปของเทพีฮีราได้อย่างไร สิ่งที่ทำให้คือ ทำให้เธอหายไป สลายร่างอันสวยงามแต่ทุกข์เศร้านั้น ร่างกายของเธอสลายไป กลายเป็นสายลมเย็น ๆ  เมื่อนั้นความเจ็บปวดของเธอจึงค่อย ๆ หายไป เทพีอโฟรไดท์กล่าวกับเอคโค่ว่า แม้ไม่สามารถแก้คำสาปให้เอคโค่ได้ แต่ก็จะทำให้ผู้ที่ทำให้เอคโค่เจ็บปวดเพราะความรักอย่างนี้ เขาต้องได้รับความเจ็บปวดบ้างเช่นกัน “เขาจะตกหลุมรักตลอดไป และไม่มีวันวันได้รักตอบ เขาจะต้องทนอยู่กับทักข์ใจไปตลอดชั่วนิรันดร์” เทพีอโฟรไดท์กล่าวเป็นสัญญาแห่งคำสาป

 

ฝ่ายนาร์ซิสซัส ขณะนั้นเขายังคงอยู่ในบริเวณป่า เฝ้าแต่คิดวนไปมาว่า ใครจะมีความงดงามเท่าตัวเขาได้ ถ้าไม่มีใครงามเท่า เขาก็จะไม่มีความรัก เขาพบแต่สาว ๆ ที่ชมว่าเขารูปงาม แต่เอ่ยได้เพียงนั้นก็เป็นลมไป ไม่เคยมีใครพูดคุยกับเขาได้นานเลยสักคน “น่ารำคาญนัก ความรักความหลงที่ผู้หญิงทุกคนมีต่อข้า ช่างหาคนงดงามเทียมข้าได้ยากนัก ข้าจะไม่ขอมีคนรักก็แล้วกัน” เดินทางไปสักพัก นาร์ซิสซัสก็นั่งลงบนริมฝั่งของแม่น้ำ สายน้ำที่ใสแจ๋วไหลรินช้า ๆ แสงอาทิตย์ส่องเหลือน้ำเป็นประกาย สายน้ำตอนนั้นจึงเหมือนกลายเป็นกระจกเงา และตอนนั้นเองที่นาร์ซิสซัสก็ก้มลงมองสายน้ำ ฉันพลันนั้นเอง เขาก็เห็นใบหน้าของใครผู้หนึ่ง เป็นใบหน้าที่สวยงามที่สุดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เกิด ใบหน้านั้นมีความสดใส ไว้ผมสีทองสว่างไสวยาวจรดปาคล้ายกับเด็กผู้หญิง ดวงตาสุกใสสีน้ำเงินเข้ม ริมผีปากกว้างและมีสีแดงระเรื่อ

 

นาร์ซิสซัสหารู้ไม่ว่า นั่นคือตัวเขาเอง! เขาได้แต่ตกตะลึง และเฝ้าจ้องและจ้องอยู่แสนนาน ใบหน้านั้นก็สบตามองตอบตลอดด้วยเช่นกัน เมื่ออดรนทนไม่ไหว เขาก็อยากจะใช้มือสัมผัสหน้าเธอ แต่ครั้นเอื้อมมือไปจับใบหน้าเธอสายน้ำก็แตกกระจายออกและเธอผู้นั้นก็หายไป นาร์ซิสซัสทรมานด้วยความปรารถนา แต่พอสายน้ำกลับมานิ่งดังเดิม และเมื่อก้มมองลงไป เขาก็ได้พบเธออีก นารซิสซัสคิดในใจว่า “เจ้าคงเป็นภูตแห่งสายน้ำ ภูตผู้งดงามบุตรีแห่งเทพเจ้าสายน้ำเทพธิดาหรือภูตพรายที่งดงามที่สุด เจ้าช่างขี้อายเสียจริงหนอ จึงไม่กล้าที่จะให้ข้าสัมผัส อา เจ้ามาอีกแล้ว ได้โปรดอย่าหนีจากฉันไปอีกเลยที่รักของข้า” เมื่อสบตากันสักพัก เขาก็อยากลองสัมผัสเธออีกครั้ง แต่เมื่อเอื้อมมือไปยังใบหน้าเธอ สายน้ำก็แตกกระจายออกเช่นเดิม นาร์ซิสซัสทุกข์ทรมานใจเป็นยิ่งน้ำ ขณะนั้นเอคโค่ที่ไร้ร่างกายได้ตามมาถึงแม่น้ำ

 

นาร์ซิสซัสกล่าวออกมาดัง ๆ กับสายน้ำว่า “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะรักข้า เจ้าคงอายและซ่อนตัวอยู่ ใช่แล้ว เจ้าอาจซ่อนตัวอยู่ แต่อีกเดี๋ยวเจ้าก็คงจะออกมา ใช่ไหม ออกมาสิ ได้โปรดออกมานะที่รัก” เอคโค่ได้ยินก็ต้องพูดตามคำสุดท้ายของเขาตามคำสาป “ที่รัก... ที่รัก ที่รัก ที่รัก” นาร์ซิสซัสได้ยินเสียงสะท้อนตอบมาในสายลม เขาก็ดีใจเป็นยิ่งนัก ถึงกับร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “นั่นไง นั่นไง ได้ยินไหม! ได้ไหม! เจ้าตอบข้า เจ้าก็มีใจให้ข้าเช่นกัน” “เช่นกัน เช่นกัน เช่นกัน เช่นกัน” หนุ่มรูปงามดีใจจนเนื้อเต้น เขากล่าวอีกว่า “เสียงของนางช่างไพเราะยิ่งนัก ใบหน้าขอเจ้าก็งดงามเหมือนเสียงของเจ้า ข้ารักเจ้า เจ้าก็รักข้าใช่ไหม เรารักกัน” “รักกัน...รักกัน รักกัน รักกัน” เอคโค่สะท้อนคำสุดท้ายของเขาก้องกังวานไปทั่วป่า

 

นาร์ซิสซัสยิ้มอย่างปิติ เขากล่าวว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ข้าจะเฝ้ารักและเฝ้าชื่นชมเจ้า และรอคอยเจ้าตลอดไป” “ตลอดไป...ตลอดไป ตลอดไป ตลอดไป” แล้วจากนั้นนาร์ซิสซัสก็อยู่ที่ริมแม่น้ำในป่าแห่งนั้น เฝ้าจ้องมองใบหน้าในน้ำ ทั้งวัน จ้องมอง จ้องมอง และจ้องมอง หวังว่าสักวันภูตพราบแห่งน้ำผู้งดงามนางนั้นจะออกมาพบเขา ทุกวันเขาได้แต่ฟังเสียงอันไพเราะของเธอที่ตอบกลับมาเสมอ วันเดือนปีผ่านไป เขายังอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน จนกระทั่งขาเขากลายเป็นรากจมลงไปอยู่ในดิน เส้นผมของเขาก็ยาวราวกับเถาวัลย์พันกันจนมีใบผลิออกมา ใบหน้าอันงดงามก็ซูบผอมและเส้นผมสีเหลืองทองก็แข็งกลายเป็นเกสรสีเหลืองและกลีบสีขาว ดอกไม้ที่ผู้คนเรียกว่า นาร์ซิสซัส ที่มักเติบโตริมแม่น้ำเพื่อให้เงาของมันสะท้อนกับสายน้ำก็คือ ตำนานที่มาจากเรื่องของนาร์ซิสซัสกับเอคโค่นี้เอง

 

 

Credit : PaiLin

By Admin Park


Admin :
view
:
3054

Post
:
2015-01-26 10:25:47


ร่วมแสดงความคิดเห็น