9 สุดยอดเครื่องรางของขลัง แห่งสยามประเทศ ตอนที่ 8 ตะกรุดมหาโสฬสมงคล หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง
2014-09-12 13:30:00

ในบรรดาเครื่องรางของขลังหรือเบญจ ฯเครื่องรางของแวดวงนักสะสมเครื่องรางของขลัง ได้ให้การยอมรับและยกย่องให้ " ตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลของหลวงปู่เอี่ยม " วัดสะพานสูง ต. คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ให้เป็นอันดับหนึ่ง และหายากที่สุดยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก ไม่มีนักเลงพระคนใดจะไม่รู้จัก อย่างน้อยก็ต้องได้ยินนักเลงพระด้วยกันเล่าขานถึง ผู้ใดมีต่างก็หวงแหนเป็นอย่ายิ่ง

 

ปรากฏกฤตยการแห่งตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลซึ่งชายชาติเสืออย่าง เสือจำเรียง ปางมณี หรือขุนโจร 5 นัดที่ยิ่งใหญ่, เสือผาด แก้วสนธิ , เสือเพี้ยน แดงสำวาลย์ และเสือแก่น ได้เคียนคาดอยู่แนบกายของเขาทั้งหลาย ได้สร้างความมหัสจรรย์และพรั่นรึงใจแก่บรรดาผู้ที่ได้รู้ได้เห็นมาแล้วในอดีตกาลเมื่อราว 40-50 ปี เป็นที่สำแดงและยืนยันถึงอำนาจพุทธาคมที่มีอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของเมืองไทยว่าเป็นสิ่งที่มีจริง โดยปราศจากข้อกังขาใด ๆ เลย ซึ่งตะกรุดโทนของท่านได้รับการสร้างและปลุกเสกขึ้นมาด้วยอำนาจกฤตยะและพลังจิตพิเศษผ่านปลายเหล็กจารถ่ายทอดลงสู่แผ่นโลหะในรูปแบบเลขยันต์อักขระเลขาจารึกแห่งสูตรมหาโสฬสมงคลและพระไตรสรณคมน์ล้อมรอบด้วยบารมี 30 ทัศน์อันพิเศษสุด พร้อมด้วยมนต์ปัสสาสะปราณชีพอันเคร่งฉมังของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

 

ครั้งเมื่อสำเร็จแล้วด้วยอิทธิเวทพุทธาคม กิตติคุณของตะกรุดโทนมหาวิเศษก็ขจรขจาย ควบคู่กันไปกับนามของหลวงปู่อย่างสุดหล้าฟ้าเมืองไทยเลยทีเดียว " ตะกรุดโทนของหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูงมีปาฏิหารย์ดุจดังเทวดาสร้างมีค่าควรเมืองหรือค่าพันตำลึงทอง ปลุกเสกองค์เดียวด้วยโองการมหาทะมึนให้ได้ครบ 10,000 จบเป็นเวลาถึง 3 ปี ( 3 พรรษา ) จะเห็นไม่อิทธิวัตถุของสำนักใด ๆ ที่มีการตั้งใจปลุกเสกอย่างลึกล้ำเสมอเหมือนพระปิดตาและพระตะกรุดโทนฯของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงเป็นแน่แท้ด้วยตัวของท่านเองโดยเฉพาะ " มีอานะภาพทุกด้านเรียกได้ว่าครอบจักวาล ผู้ใดมีไว้ครอบครองหมั่นบูชากราบไหว้ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นจะเป็นสิริมงคงแก่ตัวและวงศ์ตระกูลและพ้นจากภับพิบัติต่าง ๆ ชีวิต จักไม่ตกต่ำเป็นมหามงคลยิ่งใหญ่มีเมตตามหานิยม , เจริญลาภผล จังงัง , กำบังภัย , แคล้วคลาด , คงกระพันชาตรี , บำบัดและป้องกันเจ็บไข้ เสนียดจัญไรโจรภัยกันไฟพ้นจากศัตรูหมู่สัตว์ร้าย อย่าว่าแต่ปืนผาหน้าไม้เลยแม้แต่อหิงสาหรือฟ้าผ่าก็ยังกันได้ แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบก่อนล่วงหน้า ดลใจในทางที่ถูกที่ควร ถ้าอยู่ในบ้านเรือนบูชา ก็จะมีแต่ศิริมงคล แต่ที่สำคัญที่จะทำให้ผู้มีไว้ครอบครองได้สัมฤทธิ์ผล แห่งเดชานุภาพทั้งปวง แต่ต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม ตะกรุดฯ หลวงปู่เอี่ยมจึงเด่นขึ้นสู่ความนิยมสูงยิ่งเป็นอันดับหนึ่งของบรรดาเครื่องรางและตะกรุดมาเนิ่นนานกว่าใคร เป็นวัตถุมงคลที่มีสนนราคาสูงยิ่ง และหายากยิ่งจนมีผู้สืบเสาะอยากจะเป็นเจ้าของกันทั่วไป

 

หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม ( อ่านว่า ปะถะมะนามะ หรือ ปถมนาม ) อดีตเจ้าอาวาสแห่งวัดสะพานสูง ท่านชาตะเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู พ.ศ. 2358 ( ช่วงรัชกาลที่ 2 ) เป็นเถราจารย์ผู้เรืองเวทย์ร่วมสมัยกับสมเด็จฯโต วัดระฆัง กรุงเทพฯ ,หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ. พิจิตร, กรมพระยาปวเรศฯ วัดบวรนิเวศฯ กรุงเทพฯ , หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จ. สมุทรปราการและเจ้าคุณเฒ่า ( เอี่ยม ) วัดหนัง กรุงเทพ ฯ เป็นต้น เมื่อท่านอายุได้ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ่อ ต. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ลุล่วงถึงปี พ.ศ. 2395 ( ช่วงรัชกาลที่ 4 ) จึงได้ย้ายมาอยู่วัดสว่างอารมย์ ( วัดสะพานสูง ) ต. บ้านแหลมใหญ่ ( ต. คลองพระอุดม ) อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ขณะนั้นมีพระ 2 รูปเท่านั้น ในระหว่างที่ย้ายมาอยู่วัดสะพานสูง ท่านได้ออกไปธุดงค์ไปทางแถบประเทศเขมร เพื่อเล่าเรียนวิชาและธุดงค์ไปป่าเขาลำเนาไพร ว่ากันว่าท่านได้ธุดงค์หายไปนานถึง 10 ปี จนกระทั่งชาวบ้านแหลมใหญ่และญาติโยมคิดว่าท่านได้ถึงแก่มรณะภาพแล้ว จึงจัดแจงทำบุญบังสกุลและทำสังฆทานแผ่ส่วนกุศลไปให้ท่าน ทำให้หลวงปู่เอี่ยมทราบด้วยญาณของท่าน ท่านจึงเดินทางกลับวัดปรากฏว่าท่านไม่ได้ปลงผม ผมจึงยาวถึงบั้นเอว จีวรขาดรุ่งริ่ง หนวดเคราขาวเฟิ้มพร้อมกับมีสัตว์ป่า เช่น หมี , เสือ , งูจงอางติดตามมาส่งท่านด้วย

จากการเจริญกัมฐานนี้ มีเรื่องเล่าว่ามีต้นตะเคียนต้นหนึ่งมีน้ำมันตกและดุมากเป็นที่เกรงกลัวแก่ชาวบ้านแถบนั้น หลวงปู่จึงช่วยยืนเพ่งอยู่ 3 วันเท่านั้น ต้นตะเคียนก็เฉาและยืนต้นตาย หลวงปู่เป็นผู้มีอาคมขมัง , วาจาสิทธิ์ , มักน้อยและสันโดษ ท่านเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้สร้างถาวรวัตถุที่ได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้คือพระอุโบสถ, พระวิหาร , ศาลาการเปรียญ , พระเจดีย์ จึงเป็นที่มาของการสร้างพระปิดตาและพระตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคล อันลือลั่นนั่นเอง

 

จวบจนเมื่อถึงวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2439 เวลา 10.00 น. ( ช่วงรัชกาลที่ 5 ) ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ท่านได้มรณะภาพด้วยโรคชรา รวมสิริอายุได้ 80 ปี " ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพได้มีศิษย์ผู้ใกล้ชิดเป็นตัวแทนของชาววบ้านและผู้เคารพนับถือศรัทธาที่มีและไม่มีของมงคลท่านไว้บูชา กราบเรียนถามหากว่าเมื่อหลวงปู่มรณะภาพแล้วจักทำประการใด ท่านได้มีปัจฉิมวาจาว่า ถ้ามีเหตุสุข ทุกข์ เกิดขึ้นให้ระลึกถึงชื่อของเรา " จึงเป็นที่ทราบและรู้กันว่า หากผู้ใดต้องการมอบตัวเป็นศิษย์ หรือต้องการให้ท่านช่วยแล้วด้วยความศรัทธายิ่ง ก็ให้เอ่ยระลึกถึงชื่อท่าน ท่านก็จะมาโปรดฯ และคุ้มครอง และหากเป็นเรื่องหนักหนาก็บนตัวบวชให้ท่าน รูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปู่ท่านประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถสร้าง ( หล่อ ) ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2480 ในสมัยหลวงปู่กลิ่นผู้ปกครองวัดต่อจากท่านเพื่อสักการะบูชาต่อมาจนทุก ๆ วันนี้ ทุก ๆ วันจะมีผู้ศรัทธาจากทุกสารทิศมากราบไหว้และบนบานฯ ตลอดเวลา ตราบแสงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ท่านชอบกระทงใส่ดอกไม้เจ็ดสี จะมีผู้นำมาถวายและแก้บนแทบทุกวันโดยเฉพาะวันพระ แม้แต่ผงขี้ธูปและน้ำในคลองหน้าวัดก็ยังมีความ " ขลัง " อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

 

ของขลัง…ตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคล ท่านได้ใช้ความตั้งใจพากเพียรพยายามทยอยสร้างออกมาอยู่เรื่อย ๆ เพื่อแจกจ่ายนำทุนปัจจัยมาสร้างโบสถ์ , พระวิหาร , ศาลาการเปรียญและเจดีย์แก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์ เงิน 1 ตำลึงหรือ 4 บาท หรือจะนำทรายหรืออิฐหรือหิน จำนวน 1 ลำหรือกำปั้น ก็จะได้ตะกรุด 1 ดอก

 

การปลุกเสก…เห็นจะไม่มีอิทธิวัตถุของสำนักใด ๆ ที่มีการปลุกเสกอย่างลึกล้ำเสมอเหมือนตะกรุดฯ จากหลวงปู่ท่านจะปลุกเสกของหลวงปู่ท่านตามลำพังเงียบ ๆ ภายในกุฏิทุกค่ำคืนและแทบตลอดอายุขัยของท่านทีเดียว โดยต้องปลุกเสกด้นโองการมหาทะมึนให้ครบ 10,000 จบ ในเวลา 3 ปี การใช้เวลาอันเนิ่นนานปานนี้ จึงไม่มีปัญหาเลยว่า ตะกรุดของหลวงปู่จะไม่เป็นยอดแห่งบรรดาตะกรุดทั้งหลาย เป็นตะกรุดที่ทรงคุณค่าควรเมืองหรือค่าพันตำลึงทองทรงอิทธิพลังพุทธาคมคุ้มเกรงภยันตรายทั้งปวง

ตะกรุดโทนมหาโสฬสมงคลของหลวงปู่เอี่ยม มีการสร้างหลายแบบด้วยกันคือ

 

แบบเนื้อเงิน เป็นของพวกคหบดีโบราณนำมาให้ท่านลงให้ ท่านมิได้ทำเอง มีจำนวนน้อยมาก ๆ

แบบเนื้อตะกั่วถ้ำชา ความยาวประมาณ 4.5 นิ้ว สร้างในยุคต้นเพื่อหาทุนสร้างศาลาการเปรียญ

แบบเนื้อทองแดง ความยาวมีตั้งแต่ 2.5 นิ้ว , 3.5 นิ้ว และ 4.5 นิ้ว

ขนาดที่อยู่ในความนิยมนั้นยาวประมาณ 3.5 นิ้ว หรือ รุ่นหาทุนสร้างพระเจดีย์ราวปี พ.ศ. 2419 ท่านได้สร้างไว้จำนวนหนึ่ง ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งตลอดมา

ตะกรุดของท่านจะลงในวันเสาร์ , วันอังคาร เวลาตอนเช้า โดยจะทำการลงพระยันต์มหาโสฬสมงคลประทับหน้า เมื่อม้วนแล้วจะอยู่ด้านใน ( พระยันต์นี้แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ ผู้เจนจบในพระยันต์ร้อยแปด ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่ายันต์โสฬสมงคลเป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศน์ฯ และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศรีษะตลอดเวลา จนกระทั่งมรณะภาพเมื่อปี พ.ศ. 2487 จึงได้พบแผ่นยันต์นี้ )

 

ยันต์โสฬสมงคลเป็นยันต์เลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว ( โสฬสคำนี้แปลว่า 16 ชั้นฟ้า อันมีอินทร์ , พรหม , ยม ,นาค และพระคณาจารย์โบราณ จะกล่าวพรรณาถึงเมื่อเวลากระทำพิธีบวงสรวง ในการบูชาครูทุก ๆ ครั้ง ) ด้วยสูตรโสฬสรอบกลางลงด้วยเลข 12 ตัว ลงด้วยสูตรตรีนิสิงเห , รอบในลงด้วยเลข 6 ตัว , ลงด้วยสูตรจตุโร แล้วทำการลงอักขระเพื่อล้อมรอบยันต์ทั้ง 4 ด้านด้วยพระคาถาบารมี 30 ทัศน์ ส่วนพระยันต์ไตรสรณาคม ประทับหลัง เมื่อม้วนแล้วยันต์จะอยู่ด้านนอก ล้อมด้วยอิติปิโส ฯลฯ ภควาติ ลงด้วยสูตรรัตนมาลัยเป็นตาม้าหมากรุกโดยรอบ

 

ตะกรุดแบบเนื้อทองแดงของหลวงปู่มีการม้วน ( พัน ) เท่าที่ได้พบเห็นมาจะมีจำนวน 7-9 รอบ ส่วนใหญ่รูร้อยเชือกเล็กกว่าตะกรุดโทนของคณาจารย์รูปอื่น ยกเว้นตะกรุดโทนบางดอกที่ผ่านการใช้มามาก แผ่นทองแดงที่มีขนาดบางมากแล้วถักด้วยเชือกสายสิญจ์มักจะเป็น 4 เกลียว หรือ 5 เกลียว ( 4 เสา หรือ 5 เสา ) เป็นลายกระบองไขว้โผล่หัวโผล่ท้ายเรียกกันว่า " ก้นแมลงสาบ " และท่านจะโรยด้วยผงวิเศษ 5 ประการที่ท่านปลุกเสกเองกับผงยันต์ตะกรุดโสฬสมงคลและผงพระยันต์ไตรสรณาคมแล้ว จึงทาหรือจุ่มรักเพื่อให้คงทนที่ผสมด้วยผงพุทธคุณ

ส่วนผงพุทธคุณ , ผงสมุนไพรและว่านตากแห้ง หลวงปู่ท่านจึงนำมาปลุกเสกตามตำรับโดยเฉพาะของท่านตามที่เกริ่นตามขั้นต้นอีกครั้ง ต้องใช้ระยะเวลาอันยาวนานถึง 3 ปี ( 3 พรรษา ) เต็มไปด้วยความพากเพียรพยายามอย่างตั้งใจด้วยความละเอียดอ่อน เพื่อให้มีพุทธคุณมีอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งยวดเสมือนเหมือนประดุจดั่งเทวดาสร้างมีค่าควรเมือง

 

การพิจารณา…ตะกรุดโทนมหาโสฬสทุกแบบของหลวงปู่มีอายุการสร้างจนถึงปัจจุบันมีอายุประมาณ 130-140 ปี มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ไม่เหมือนการสร้างตะกรุดของคณาจารย์รูปอื่น ๆ เช่น การม้วน , การตัดแผ่นโลหะ อีกทั้งความเก่าของแผ่นโลหะสนิมที่เกาะและการกัดกร่อนแผ่นโลหะตามระยะเวลาอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งเชือกสายสิญจน์ที่ใช้ถัก รวมถึงผงวิเศษที่ใช้โรยและรักที่ลงไว้ก็จะเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนสำนักใด ผิดแผกไปจากสำนักอื่นคือจะมีสีอมแดง เมื่อส่องกับแดดหรือที่สว่าง เมื่อพิจารณาจะเห็นเม็ดแดง ๆ ที่ว่านี้ได้ชัดเจน

 

ปัจจุบัน " หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง " ได้มรณภาพไปแล้วกว่าร้อย ปี แต่ชื่อเสียงเกีรติคุณของท่านยังเป็นที่เลื่องลือและกล่าวขวัญอยู่เสมอไม่มีวันเสื่อมคลาย วัตถุมงคลของท่านผู้ครอบครองต่างก็ประสบคุณอภินิหารมากมาย จนกล่าวได้ว่าไม่มีผู้ใดที่มีวัตถุมงคลของท่านติดตัว ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรมอันควรแล้วต้องเสียชีวิตจากคมอาวุธหรือสิ่งมีคมอื่น ๆ แม้แต่รายเดียว กาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงคือ ความเป็นอมตะของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง และวัตถุมงคลของหลวงปู่เอี่ยม เพชรน้ำเอกแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาและคลองพระอุดม จ. นนทบุรี

 

สุดยอดมั้ยล่ะครับ อ่านแล้วขนลุก ช่างเป้นอะไรที่สุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ ตอนต่อไป ตาโตดอทคอม จะพาไปพบสุดยอดวัตถุมงคล ชิ้นสุดท้าย นั่นก็คือ เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง นั่นเอง ห้ามพลาดเด็ดขาด


Admin : Rapin
view
:
27052

Post
:
2014-09-12 13:30:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น