สุดยอดประสบการณ์ ‘ไอศกรีมเรืองแสง’ ที่เราน่าจะลองสักครั้ง .. ???
2014-08-29 19:26:00

สุดยอดประสบการณ์ ‘ไอศกรีมเรืองแสง’ ที่เราน่าจะลองสักครั้ง .. ??? 

น่ากินไหมอ่ะ ...!! สักครั้งในชีวิต ...^ ^

"สุดยอดไอเดียไอศกรีมเรืองแสง"

 

ปรากฏการณ์ที่น่าจดจำหากได้สัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง Wow เจ๋งอ่ะ.

หนังที่เล่าเรื่องดีพร้อมกิมมิคสุดยอดที่น่าจดจำ

อินกระแสหนังเอเลี่ยนบุกโลกมนุษย์ กับ ประสบการณ์ ไอศกรีมเรืองแสงงงงง !!!

เพื่อเป็นการปิดท้ายตอนจบของ "The World’s End" ภาพยนตร์ผจญภัยแนวเอเลี่ยนต่างดาว คอนเนตโต เชิญคอหนังชาวลอนดอนมาชมตอนสุดท้ายกันสดๆ ที่โรงหนัง VUE ย่าน London’s Leicester Square โดยก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ ผู้ชมจะได้รับคอนเนตโต้รสมินท์คนละ 1 แท่ง เมื่อไฟดับลง คนเริ่มแกะห่อไอศกรีม แทนที่จะเป็นไอศกรีมธรรมดาเหมือนที่กินกันทุกวัน ทุกคนต่างเซอร์ไพร์ที่ไอติมในมือกลับเรืองแสงซะนี่ เพื่อให้เข้ากับตีมของภาพยนตร์ที่ว่าเอเลี่ยนได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้กับมวลมนุษยชาตินั้นเอง  ซึ่งทำให้คนในโรงโบกไอติมเล่น แลบลิ้นโชว์กันอย่างสนุกสนาน สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันทั่วโรง

ไอเดียไอศกรีมเรืองแสงนี้ สร้างจากครีเอทีฟดูโอคู่ดังอย่าง Bompas & Parr ผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านอาหารมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน รอบนี้ 2 หนุ่มได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าจดจำอีกครั้ง พวกเขาไม่เพียงแต่คิดงานของคอนเนตโต้ให้แตกต่าง ยังต้องทำให้โดดเด่นและเป็นอะไรที่ ‘ใหม่’ ด้วย ที่สำคัญ คือ ตัวแบรนด์ต้องลงลึกไปถึงประสบการณ์ของคนจริงๆ และไม่ลืมที่จะให้ประโยชน์กับการตลาดไปพร้อมกัน พวกเขาเผยที่มาของไอเดียว่า ต้องเป็นเรื่องง่ายๆ มีกินกันติดบ้าน ไม่แพง และต้องน่าสนใจพอที่จะทำให้คนร้อง ‘ว้าววว’ ????

ถือได้ว่างานนี้เรียกความสนุกสนานกับผู้ชมทั้งโรง ทั้งยังสร้างความประทับใจและประสบการณ์ (Brand Experience) ที่ได้รับจากแบรนด์เต็มๆ 

โดยหนังมีรายละเอียด (ย่อ) ดังนี้

The World's End เล่าเรื่องของก๊วนเพื่อนรัก 5 คนที่นำโดยหัวโจก Gary King (Simon Pegg) พยายามสานต่อภารกิจสมัยวัยรุ่นกับภารกิจท้าเมา 5 เกลอ12 ผับ 60 เหยือก ที่เมืองบ้านเกิด Newton Haven ตั้งแต่ผับ First Post ก่อนไปบรรจบที่ The World's End ด้วยเพื่อนๆอีก 4 คน Andy (Nick Frost) อดีตมือขวาของ King แต่ไม่ถูกกันเพราะเรื่องในอดีต, Steven อดีตมือเบสหล่อสุดในกลุ่ม, O-Man บ้าโทรศัพท์แต่มีน้องสาวสวยอย่าง Sam ที่ทั้ง King และ Steven ต่างหมายปองและ Peter รวยและเฉิ่มสุดในกลุ่ม กับภารกิจสานต่อความพยายามเมื่อครั้งยังหนุ่ม แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเมือง Newton Haven จะเปลี่ยนไปจนอาจจะไปสู่จุดจบของโลก !

หนังมีเส้นเรื่องที่พิศดารมากกับการกินเหล้า 12 ร้านรวดแต่ก็เล่าออกมาได้มีสไตล์คงลายเส้นเดิมๆไว้ อีกทั้งยังมีมุขฮาจากทั้ง 5 ตัวละครที่ค่อยยิงมุขสวนกันตลอดทั้งเรื่องที่ดูฉลาดและมีชั้นเชิงมาก แม้ว่าจะเป็นมุขเฉพาะกลุ่มแต่ถ้าเข้าใจก็จะก๊ากมากเลยทีเดียว กระนั้นหนังยังพอมีเนื้อเรื่องให้จับต้องได้ถึงรายละเอียดของแต่ละตัวละครที่พอจะฮาก็ฮา พอจะดราม่าก็เข้าใจถึงตัวละครตัวนั้นเลยจริงๆ รวมถึง Gary King ที่เปรียบเสมือนแกนกลางของหนังเรื่องนี้ก็ทำหน้าที่เป็นตัวนำได้ดี แต่ก็ยังคงแบ่งบทบาทให้อีก 4 ตัวละครแบบไม่มีใครยอมใคร! นอกจากนั้นหนังยังมีฉากไฝว้บ้านๆระหว่างคนกับหุ่นยนต์ ซึ่งดูธรรมดามากๆ แต่ก็มันส์แบบปฏิเสธไม่ได้จริงๆ!

ส่วนที่ดีที่สุดของหนังในเรื่องนี้ คือ เคมีระหว่างตัวละครที่กินกันไม่ลงและไม่มีใครเกินหน้าเกินตาแถมยังมีบทบาทรองรับทุกคน อีกทั้งหนังยังมาพร้อมกับมุขที่ชาญฉลาดและมีชั้นเชิงมาก ถึงแม้บางครั้งจะเป็นมุขอำแต่ก็ยังเก็บเอามาใช้ในภายหลัง ส่วนถัดมาคือ เนื้อเรื่องที่มีเหตุผลทางด้านตัวละครใช้ได้และมีประเด็นในแต่ละตัวละครให้เล่นมาก และนำเอามาใช้ได้ดี ส่วนต่อมาคือ แอ็คชั่นในหนังที่มันส์เอาเรื่องด้วยมุมกล้องฉวัดเฉวียนและออกแบบมาใช้ได้ แม้จะน้อยกว่า Hot Fuzz แต่ก็มันส์เอาเรื่อง

Gary King คือศูนย์กลางของเรื่องนี้ หนังให้ Gary King เป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ตามใจแบบเดียวกับที่ตัวเขาชอบทำสมัยวัยรุ่นแต่ King นั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ยังรักที่จะทำอะไรตามใจชอบ หนังให้ King อยู่ในสภาพไม่มีความรับผิดชอบทำอะไรตามใจและยังคงหลงรักทุกอย่างแบบที่ตัวเองเป็นในวัยรุ่น ทั้งรถเก่า เพลงเก่า ชุดเก่าและนิสัยเก่าที่ตัวเองยังไม่พัฒนาและสลัดมันไม่ออก มองดูแล้ว King นั้นก็เหมือนเป็นพวกไม่รับผิดชอบและทำอะไรตามใจ และมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ หนังให้ King เป็นคนติดเหล้าจนบทสรุปหนังบอกว่า ทั้งหมดที่ King ทำกับการดวดเบียร์รวด 12 ผับ นั้นคือ ชีวิตเขาและชีวิตเขามีแค่นั้น นอกจากนั้นหนังยังแถมประเด็นเล็กๆอย่างการวิจารณ์สังคมมนุษย์ในปัจจุบันอย่างเจ็บแสบอีกว่า มนุษย์มันป่าเถื่อน, ไร้ความรับผิดชอบและด้อยพัฒนา Gary King จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนของมนุษย์บนโลกทั้งหมด ที่ปัจจุบันไม่มีใครสนใจอะไร และตอบปฏิเสธไปกับการพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ตอนจบของหนังจึงเป็นเหมือนบทสรุปที่ "น่าจะ" ทำให้คนบางคนหรืออีกหลายคนคิดว่า ควรจะตอบอย่างไร เช่นดังชีวิตคนเรา ณ ปัจจุบัน ?

ขอขอบคุณข้อมูล brandbuffet.in.th , siamzone.com และภาพเพิ่มเติมจาก mcot.com ทีมงาน ตาโตดอทคอม เรียบเรียง


Admin : Tartoh
view
:
2437

Post
:
2014-08-29 19:26:00


ร่วมแสดงความคิดเห็น