สุดหลอนกับแร้งวัดสระเกศ
2014-07-21 11:06:30

 

 
     เชื่อว่าหลายๆคน ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็คงเคยได้ยินคำว่า "แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์" กันมาจนชินหูทั้งสองวัดนี้.. และมักจะได้ยินพร้อมๆกันเสมอ..เพราะครั้งหนึ่งมันเคยเป็นอย่างนั้นและมันก็คือ นรกจำลองดีๆ นี่เอง 
 
 
     โดยเฉพาะเรื่องของวัดสระเกศ(ภูเขาทอง) ที่แต่ก่อนเป็นศูนย์รวมของแร้งนับพันอันเนื่องมาจากโรคห่าระบาดเมืองในช่วงรัชกาลที่ 2 นั่นเอง สถิติคนตายตอนนั้นก็ไม่มากไม่มายเท่าไรหรอกตายไปสามหมื่นคนภายใน 15 วันเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ 
 
 
     กรุงเทพตอนนั้น.. กลายเป็นเมืองแห่งคนตายเลยเพราะคนที่มีชีวิตอยู่ เห็นจะน้อยกว่าศพที่กองระเนระนาดไปทุกตารางนิ้วแม้แต่แม่น้ำลำคลองก็ยังเต็มไปด้วยซากศพ จนใช้อาบใช้กินไม่ได้เลยทีเดียว 
 
คนตายกันไม่รู้วันละกี่พัน จะจัดพิธีทำศพก็ไม่ทัน จะเผาก็ไม่ทัน จะฝังก็ไม่ทันอีก ไม่มีวิธีการไหนจะจัดการกับศพเหล่านั้นได้ สุดท้าย.. ต้องขุดหลุมแล้วเอาศพมากองรวมกันไว้ที่นี่..วัดสระเกศ 
 
 
     นอกจากสมัยรัชกาลที่ 2 แล้วโรคห่าก็ระบาดกันทุกรัชกาลเลย เค้าก้อจะเอามากองรวมกันที่วัดสระเกศ..ฝูงแร้งก็จะมารวมกันอยู่ที่นี่ เยอะขึ้นเรื่อยๆ ต่างอิ่มหนำสำราญมากมายจำนวนคนตายมันมากจนฝูงแร้งมีกินกันได้ทั้งชีวิตเลยทีเดียว 
 
 
     นอกจากศพคนตายด้วยโรคห่าแล้ว ก็ยังมีศพที่ไม่ได้มาจากโรคห่าด้วย อย่างสมัยรัชกาลที่ 5 นี้.. ทางคุกจะเอาศพนักโทษที่แก่ตายมาทิ้งไว้ที่นี่ ศพนักโทษประหารก็ด้วย.. ถ้าไม่ขุดหลุมกลบ เค้าก็จะแบกศพมาทั้งๆที่ไม่มีหัวน่ะแหละและยังมีศพไร้ญาติอีก เอามาทิ้งไว้ที่นี่เหมือนกัน
 
แล้วทำไมต้องเป็นวัดสระเกศ? 
 
 
     ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเขาห้ามเผาศพกันในเมือง ใครตายก็ต้องนู่นเลย.. นอกกำแพงเมืองนู่นแล้วประตูเมืองที่เค้าอนุญาตให้เอาศพผ่านก้อมีประตูเดียว ที่เรียกว่า ประตูผีนั่นแหละทีนี้วัดสระเกศก็อยู่ใกล้กับประตูผีนั่นพอดี ผ่านประตูเมืองมาก็เจอกับวัดสระเกศเป็นวัดแรก..ก็เลยต้องเอาศพมาทิ้งที่นี่.. เพราะสะดวกดี  ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้..เวลาพูดถึงแร้ง เลยทำให้นึกไปถึงวัดอื่นไม่ได้นอกจาก.. วัดสระเกศ 
 
 
     แต่ถ้าพูดถึงแร้งวัดสระเกศ แล้วไม่พูดถึง "เปรตวัดสุทัศน์" ก็จะดูเหมือนเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ เพราะเรามักจะได้ยินสองอย่างนี้คู่กันเสมอๆ สำหรับ "เปรต" นั้น ก็เป็นชื่อเรียกผีหรือมนุษย์ที่ทำบาปทำกรรมหนักหนาสาหัส เมื่อตายไปแล้วก็จะมาเกิดเป็นเปรตเพื่อชดใช้กรรมที่ทำไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์ 
 
       เปรตนั้นก็มีหลายประเภทหลายลักษณะด้วยกัน แต่ภาพของเปรตที่คนส่วนมากจะคิดถึงก็คือต้องตัวสูงเท่าต้นตาล มือเท้าใหญ่เหมือนใบลาน ปากเท่ารูเข็ม ส่งเสียงร้องหวีดๆ ตอนกลางคืน และมักมาปรากฏตัวให้เห็นตอนกลางดึกเพื่อขอส่วนบุญ ส่วนคนที่ได้เห็นเปรตก็ถือว่าช่วงนั้นดวงตกต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เปรตตนนั้นเสีย 
 
     ความเชื่อแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่องราวของเปรตแห่งวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่เล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลากลางคืนเป็นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ประกอบกับอหิวาตกโรคที่ระบาดจนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 จนเผาศพแทบไม่ทัน ณ วัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า "เปรตวัดสุทัศน์ แร้งวัดสระเกศ"
 
 
     ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เรื่องเล่าเปรตวัดสุทัศน์ฯนั้น มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้องไปดู และสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเปรตนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณวัดแห่งนี้มายาวนานบอกว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ในสายหมอกยามเช้าต่างหากไม่ใช่ผีเปรตอย่างที่คิด 
 
 
    แต่เรื่องแบบนี้เชื่อไม่เชื่อก็ต้องแล้วแต่บุคคลนะคะ สิ่งลี้ลับอาจจะแฝงอยู่รอบๆตัวตลอดเวลาก็เป็นได้ 
 

Admin : Chanya
view
:
4322

Post
:
2014-07-21 11:06:30


ร่วมแสดงความคิดเห็น