เรื่องราว "ลัดดาแลนด์" แดนผีที่ดุที่สุดในเชียงใหม่
2014-04-10 10:38:38

          สำหรับเรื่องราวคราวนี้ ใครที่เห็นชื่อ “ลัดดาแลนด์” ก็ต้องร้องอ้อกับภาพยนตร์ที่กำกับโดยโสภณ ศักดาพิศิษฏ์ แต่รู้หรือไม่ว่าหมู่บ้านลัดดาแลนด์ในภาพยนตร์นี้มีอยู่จริง หรือจะเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแนวคิดหลักๆ แดนผีที่ดุที่สุดในเชียงใหม่ โดย “ลัดดาแลนด์” ของจริงเป็นสวนพฤกษศาสตร์ผสมผสานกับลานแสดงศิลปวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เนื่องจากมีสวนสนุก การแสดงมหรสพต่างๆ แต่ในปัจจุบันหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ลัดดาแลนด์แห่งนี้มีสภาพเป็นป่ารกร้างจนกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกติดยาเสพติด พร้อมทั้งยังมีกลุ่มวัยรุ่นมาลองของในเชียงใหม่ ตลอดจนเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้ที่มีความเชื่อเรื่องผี และมักจะถูกกล่าวถึงในเรื่องความลี้ลับ เรื่องสยองขวัญ จนถูกนำเรื่องราวมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง ลัดดาแลนด์ ในปี พ.ศ. 2554 นั่นเอง

 

 

(ภาพยนตร์ ลัดดาแลนด์)

 

 

(ลัดดาแลนด์ในอดีต)

          ในความเป็นมาของลัดดาแลนด์ สถานที่สยองขวัญในจังหวัดเชียงใหม่ก็ต้องย้อนไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อนซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์เมืองหนาวที่โด่งดังมาก เพราะมีกล้วยไม้ขนาดใหญ่ และมีบริการช้างให้นั่ง มีรถม้า มีรถไฟเล็ก รวมทั้งการแสดงฟ้อนรำต่างๆ ที่มีค่าบัตรอยู่ที่ราวๆ 8 ถึง 10 บาท จึงทำให้หน้าหนาวของทุกปีมีคนขึ้นมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยผู้เป็นเจ้าของลัดดาแลนด์คือ คุณนายลัดดา พันธาภา

 

 

(คุณนายลัดดา พันธาภา และ พล.ต.ประดิษฐ์ พันธาภา สามี)

 

          นอกจากนี้ลัดดาแลนด์ก็ยังเป็นสถานที่ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นสมัยนั้นที่จะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่า หากคู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์ คู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต

 

 

          และด้วยความที่เป็นหมู่บ้านด้วย หมู่บ้านลัดดาแลนด์ก็ล้วนเป็นคนที่มีฐานะเข้าอยู่จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเศรษฐีก็ว่าได้ แต่แล้วจุดเริ่มต้นของเรื่องสะเทือนขวัญสู่ความสยองก็เกิดขึ้นเมื่อบ้านหลังหนึ่งถูกคนร้ายฆ่าตายยกบ้าน ทำให้คนที่อยู่บ้านใกล้ๆ กับบ้านหลังนี้จะได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง เสียงร้องขอความช่วยเหลือบ้าง หรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะ แล้วที่เจอกันจนอยู่กันไม่ได้คือคนในละแวกนั้นเห็นครอบครัวที่เสียชีวิตออกมาทำกิจวัตรประจำวันเช่น ออกมายืนหน้าบ้าน ออกมารถน้ำต้นไม้ ซึ่งคนที่ผ่านไปมาจะโดนหลอกทุกคน ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครกล้าออกจากบ้านเลย

         

          ยิ่งนานวันเข้าความเฮี้ยนก็หนักขึ้นมาหลอนกันถึงที่บ้าน คนแถวนั้นทนอยู่ไม่ไหวจึงพากันย้ายออกกันเกือบหมด ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นบ้างร้างเยอะ ทว่ายังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหน โดย 1 ใน 3 หลังนั้นมีเจ้าของเป็นฝรั่งจึงไม่ค่อยได้อยู่บ้านมักบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาว เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก ดังนั้นเขาเลยจ้างเด็กสาวชาวพม่าเฝ้าบ้านแต่เวลาผ่านไปไม่นานก็มีโจรขึ้นบ้านหลังนั้นและฆ่าเด็กสาวแล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได แต่อีกกว่า 2 เดือนถึงจะพบศพ โดยสาเหตุที่มาพบได้เพราะบ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆ ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากในบ้านแต่ก็ไม่ได้สงสัย เนื่องจากยังเห็นเด็กสาวคนนี้ยังมานั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน จนวันหนึ่งเกิดความทนไม่ไหวเลยบอกให้เด็กสาวทำความสะอาดเพราะอาจจะมีหนูตาย แค่นั้นแหละเด็กสาวก็หันหน้ามาแบบเละๆ เลยไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบเปิดประตูเข้าไปจึงถึงได้พบ และถึงจะพบแล้วแต่เด็กคนนี้ยังคงนั่งที่เดิมเป็นประจำ แต่ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งคงจะดีเห็นคนนั้นบอกว่าบางทีก็มายืนมองที่หน้าต่างตอนกลางคืนด้วยจึงย้ายออกไม่เสียดายบ้านแล้ว

 

          หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตเพิ่ม เช่น

          1. มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมากจึงได้มาอธิฐานขอให้ความรักสมหวังกับต้นไทร แต่แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับฝ่ายชาย ทั้งสองเลยมาแขวนคอตายคู่กันที่ใต้ต้นไทรต้นนั้น โดยผู้คนต่างบอกว่าทุกวันที่ทั้งคู่ผูกคอตายวนมาจนครบรอบ คนแถวนั้นจะเห็นทั้งคู่แขวนคอพร้อมส่งยิ้มมาให้

          2. ช่วงก่อนที่จะสร้างสวนสาธารณะเสร็จ ตอนที่ขุดหลุมเพื่อจะทำบ่อน้ำก็ได้พบกับโครงกระดูกแต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ทราบกัน

          3. เมื่อ 10 กว่าปีก่อนสถานที่แถวนั้นค่อนข้างเป็นที่เปลี่ยวจึงมีการนำศพคนตายที่ถูกปล้นหรือถูกข่มขืนมาทิ้งไว้ที่นั้นรู้อย่างน้อยๆ ก็มีทั้งหมด 8 ศพ ที่อาจจะมีมากกว่านั้น

          4. มีหญิงสาวและหญิงขายบริการหลายคนที่ทำแท้งแล้วนำซากเด็กไปทิ้งไว้ในสระน้ำเป็นจำนานมาก ซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 100 เลยทีเดียว

          5. มีขี้ยาคนหนึ่งเสพยาเกินขนาดแล้วเกิดช็อก ตายคาศาลาริมสระน้ำกว่าจะมีคนไปพบก็เน่าหมดแล้ว แต่สาเหตุที่ช็อกเพราะโดนเอาไปเป็นตัวตายตัวแทนมากกว่า เนื่องจากกัญชายังเหลืออยู่ข้างศพอีกเยอะ

          6. มีการนำศาลพระภูมิรวมถึงตุ๊กตาสะเดาะเคราะห์มาทิ้งเป็นจำนวนมากจนทางเทศบาลต้องมารื้อไปทิ้งไว้นอกเมือง แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จเพราะถึงจะย้ายไปไกลแค่ไหนวันรุ่งขึ้นก็จะกลับมาที่เดิม

          7. มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มาขอความรักกับต้นไทรแล้วผิดหวังในความรัก จึงมากินยาฆ่าแมลงตายใต้ต้นไทรหน้าหมู่บ้านโดยทิ้งจดหมายไว้สั้นๆ ว่า “จะอยู่ข้างๆ เธอตลอดไป”

          โดยเรื่องราวทั้งหมดมีการบอกเล่าว่าวิญญาณทั้งหมดนี้จะสิ่งอยู่ในตุ๊กตาสัตว์ที่วางไว้อยู่มากมายในพื้นที่นั้น

 

          และนี่ก็เป็นรูปโดยรวมใน ลัดดาแลนด์ ตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          ที่มา: shock.mthai.com และ th.wikipedia.org


Admin : Maimai
view
:
2848

Post
:
2014-04-10 10:38:38


ร่วมแสดงความคิดเห็น